ศูนย์ข่าวขอนแก่น - มิตรผลชี้ปัญหาภาคเกษตรกรรมไทยเจอทั้งแรงงานขาดแคลน และภาวะอากาศแปรปรวน จึงมุ่งส่งเสริมให้ชาวไร่อ้อยหันมาทำเกษตรแบบมิตรผลโมเดิร์นฟาร์ม พึ่งเครื่องจักรและการจัดการสมัยใหม่มากขึ้น โอ่เปิดรับซื้อใบอ้อยสดช่วยให้มีกลุ่มคนในสังคมได้ประโยชน์ถึง 4 ต่อ
นายบรรเทิง ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทมิตรผล เปิดเผยถึงปัญหาสำคัญของภาคเกษตรกรรมไทยในปัจจุบันว่า นอกจากประสบกับการขาดแคลนแรงงานแล้ว ยังต้องเผชิญต่อภาวะโลกร้อนที่ส่งผลให้สภาวะอากาศแปรปรวน ก่อให้เกิดปัญหาน้ำท่วม และภัยแล้ง ซึ่งกลุ่มมิตรผลตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว และให้ความสำคัญต่อการขับเคลื่อนนโยบายด้านความยั่งยืน เห็นได้จากการส่งเสริมให้ชาวไร่อ้อยเปลี่ยนมาทำเกษตรสมัยใหม่แบบ “มิตรผล โมเดิร์นฟาร์ม”
โดยการทำเกษตรสมัยใหม่แบบมิตรผลโมเดิร์นฟาร์มนั้นจะมุ่งเน้นการนำเครื่องจักรกลการเกษตร และการบริหารจัดการสมัยใหม่เข้ามาใช้ เป็นเวลากว่า 10 ปี ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาการเผาอ้อยได้อย่างยั่งยืน
การรณรงค์ส่งเสริมให้ความรู้แก่สังคมในครั้งนี้ เพราะเราอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจังในภาคอุตสาหกรรมเกษตรของไทยที่จะสามารถแข่งขันและก้าวต่อไปอย่างยั่งยืน ไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นเพียงแค่กระแสและจบลงในระยะเวลาอันสั้น จึงอยากเห็นความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่จะมาช่วยกันสร้างความยั่งยืนให้แก่สังคม
สำหรับสถานการณ์การรับซื้อใบอ้อยตั้งแต่เริ่มเปิดหีบในเดือนธันวาคม 2562 โรงงานน้ำตาลกลุ่มมิตรผล ในจังหวัดสุพรรณบุรี สิงห์บุรี ขอนแก่น ชัยภูมิ กาฬสินธุ์ เลย และอำนาจเจริญ รับซื้อใบอ้อยจากชาวไร่อ้อยไปแล้วกว่า 100,000 ตัน โดยมีเป้าหมายจะรับซื้อ 200,000 ตันในฤดูกาลผลิตประจำปี 2562/2563
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่กลุ่มมิตรผลประกาศรับซื้อใบอ้อย และฟางข้าว สนับสนุนให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสด งดการเผาแล้ว ก็ยังคงเดินหน้ารณรงค์ให้ความรู้ความเข้าใจต่อสังคมอย่างต่อเนื่องว่าโครงการนี้ได้ประโยชน์กับใครบ้าง โดยได้ที่หนึ่งคือ ได้งาน ได้อาชีพ ผู้รับเหมาหรือผู้รับจ้างในท้องถิ่นเกิดการจ้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้จากค่าอัดใบอ้อย ค่าคีบใบอ้อย ค่าขนส่งใบอ้อย รวมประมาณ 500 บาทต่อตัน
ได้ที่สองคือ ได้เงินเพิ่ม ชาวไร่อ้อยได้เงินเพิ่มจากการขายใบอ้อย 1,000 บาทต่อตัน (ราคารับซื้อหน้าโรงงาน) ได้ที่สามคือ ได้กระตุ้นเศรษฐกิจ กำไรที่เหลือจากการขายใบอ้อยประมาณ 500 บาทต่อตัน เมื่อชาวไร่อ้อยนำมาจับจ่ายใช้สอย ก็จะเกิดเป็นรายได้หมุนเวียน 5 เท่า ส่งผลให้เศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็งและชุมชนมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น และได้ที่สี่คือ ได้สิ่งแวดล้อมที่ดี ลดมลพิษ น้ำสะอาด ดินดี อากาศดี