ศรีสะเกษ - ชาวบ้านแห่ร้องตัวแทน มท.1 ถูกนายทุนเงินกู้โหดยึดบ้านที่ดินกว่า 30 ราย เผยกลโกงนำเอากระดาษเปล่ามาให้ชาวบ้านเซ็นชื่อแล้วแอบโอนกรรมสิทธิ์ไปเป็นชื่อของนายทุน เผยหนึ่งในผู้เดือดร้อนจำนองที่ดิน 5 หมื่น ถูกยึดทั้งบ้านและที่ดิน
วันนี้ (28 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านนิคมห้วยคล้า 1 หมู่ 11 ต.หมากเขียบ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นายนิพนธ์ ชื่นตา ข้าราชการการเมือง ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางมาพบกับกลุ่มชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากการที่ได้นำเอาโฉนดที่ดินไปจำนองกับนายทุนเงินกู้นอกระบบแล้วถูกยึดบ้านยึดที่ดินและถูกฟ้องขับไล่ให้ออกจากบ้านของตนเอง ทำให้ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก
โดยมีกลุ่มชาวบ้านนิคมห้วยคล้า 1 และหมู่บ้านใกล้เคียงกว่า 30 ราย นำโดย นายวิจิตร มัคนา อายุ 56 ปี ได้นำเอาหลักฐานการจำนองที่ดินรวมทั้งเอกสารที่ถูกฟ้องร้องมาร้องขอความเป็นธรรมต่อนายนิพนธ์
นายวิจิตร มัคนา อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20 หมู่ 11 ต.หมากเขียบ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ หนึ่งในจำนวนชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2549 ตนได้นำที่ดินเนื้อที่ 1 งาน 6 ตารางวา ไปจำนองกับนายทุนเงินกู้และได้ทำสัญญาจำนองที่สำนักงานที่ดิน จ.ศรีสะเกษ ซึ่งนายทุนได้นำเอาใบสัญญาซื้อขายและหนังสือมอบอำนาจซึ่งยังไม่ได้เขียนข้อความอะไรไว้เลยมาให้ตนเซ็นชื่อ โดยนายทุนบอกว่าไม่เป็นอะไรหรอก ไม่ได้อยากได้ที่ดินของตน แค่ทำไว้เฉยๆ ตนจึงได้เซ็นชื่อโดยจำนองไว้ในราคา 50,000 บาท
ต่อมาวันที่ 21 มี.ค. 2549 นายทุนได้ทำการโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินของตนไปเป็นของนายทุน ซึ่งเวลาห่างจากการจำนองเพียงเดือนเดียวเท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ตนได้ส่งเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นประจำทุกเดือนตั้งแต่เดือนละ 1,500 บาท, 2,000 บาท และ 2,500 บาท หรือบางเดือนส่งเงินให้เป็นจำนวน 10,000 บาท ต่อมาปลายปี 2557 ตนได้รับหมายศาลฟ้องขับไล่ที่ ตนจึงได้รู้ว่าที่ดินของตนเองได้ถูกนายทุนโอนกรรมสิทธิ์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกรมบังคับคดีได้ออกหนังสือขับไล่ให้ขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดิน
เมื่ออ่านดูในสัญญาซื้อขายที่ทำขึ้นมานั้นระบุว่าขายเฉพาะที่ดินไม่รวมสิ่งปลูกสร้างที่มีอยู่ ตนจึงได้ทำการขนย้ายบ้านออกจากที่ดินของตนมาขออาศัยที่ดินของพี่ชายอยู่ซึ่งเป็นที่ดินแปลงติดกัน และได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองศรีสะเกษ ไว้เป็นหลักฐานด้วยว่าตนได้ขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดินแล้ว
นายวิจิตรกล่าวต่อว่า ต่อมาประมาณ 3 เดือนได้มีหมายศาลมาอีก โดยฟ้องตนว่าได้ทำการโยกย้ายบ้านซึ่งเป็นทรัพย์สินของนายทุนออกไป ทำให้เกิดความเสียหาย และหลักฐานการฟ้องคือสัญญาซื้อขาย ลงวันที่ 21 มี.ค. 2549 เป็นจำนวนเงิน 50,000 บาทเช่นกัน ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่เขาโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินไปเป็นของนายทุน จึงได้มีการเจรจายอมความกัน โดยนายทุนได้เรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 180,000 บาท และให้ชำระภายใน 18 เดือน โดยให้ชำระขั้นต่ำ 5,000 บาทขึ้นไป ตนจึงได้นำเงินไปชำระที่ศาล จ.ศรีสะเกษ เดือนละ 5,000 บาท เป็นเวลา 18 เดือน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 90,000 บาท
หลังจากนั้นอีก 2 เดือนมีหมายศาลมาอีก โดยฟ้องให้ตนชำระเงินค่าเสียหายส่วนที่เหลืออีกจำนวน 90,000 บาท ภายในเวลา 15 วัน ซึ่งตนได้ไปโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารของนายทุนให้จนครบ 90,000 บาท และได้ไปตกลงกันที่กองบังคับคดีและบันทึกไว้เป็นหลักฐาน คดีเป็นอันจบ แต่กรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้นตนยังไม่ได้รับคืนแต่อย่างใด ซึ่งที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินที่ตนมีเพียงแปลงเดียวเท่านั้น ไม่มีที่ทำกินอื่นๆ เลย ทุกวันนี้ตนต้องขออาศัยที่ดินของพี่ชายอยู่อาศัย
โดยข้อสังเกตคือ หากมีการซื้อขายกันจริงทำไมตนจึงต้องไปทำจำนองและถ้าขายบ้านและโอนที่ดินในวันเดียวกัน สำนักงานที่ดิน จ.ศรีสะเกษก็จะต้องบันทึกไว้ว่าขายบ้านพร้อมที่ดิน และถ้ามีการขายที่ดินจริง เหตุใดตนจึงต้องนำเงินมาจ่ายตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปี 2557 เป็นเวลา 8-9 ปี โดยที่ไม่รู้เรื่องเลยว่ามีการโอนเอาบ้านและที่ดินของตนไปแล้ว
นายวิจิตรกล่าวอีกว่า ตนเคยร้องขอความเป็นธรรมและขอความช่วยเหลือไปยังส่วนราชการที่เกี่ยวข้องหลายแห่งแล้วแต่ว่าเรื่องเงียบหายไป ดังนั้น ตนและชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากการถูกโกงที่ดินจากนายทุนคนเดียวกันนี้กว่า 30 ราย จึงได้มาร้องขอความเป็นธรรมและขอความช่วยเหลือจากตัวแทนของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในครั้งนี้ เพื่อขอให้พิจารณาช่วยเหลือตนกับพวกชาวบ้านโดยด่วนด้วย
นายนิพนธ์ ชื่นตา ข้าราชการการเมือง ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า จากการที่ตนได้ตรวจสอบเอกสารการร้องทุกข์ของพี่น้องชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนแล้วพบว่าหลักฐานเอกสารทางกฎหมายที่นายทุนทำไว้รัดกุมมาก วิธีการแก้ไขเรื่องนี้จะต้องใช้วิธีการทางปกครองเท่านั้น แนวทางการให้ความช่วยเหลือนั้น ประการแรก ตนจะนำเรื่องนี้ไปพบกับนายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อแจ้งให้ทราบว่าลูกบ้านของท่านได้รับความเดือดร้อนจะได้หาแนวทางในการช่วยเหลือชาวบ้าน
ประการที่ 2 ตนจะรายงานเรื่องนี้ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีทราบ เพื่อที่จะได้หาทางช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยหากว่ากำลังเจ้าหน้าที่ของทาง จ.ศรีสะเกษไม่เพียงพอจะได้ส่งเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางเข้ามาช่วยเหลือเพื่อเร่งรัดดำเนินการในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ต่อไป
เรื่องนี้ตนมั่นใจว่า โดยการอำนวยการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะสามารถให้การช่วยเหลือชาวบ้าน จ.ศรีสะเกษ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากนายทุนเงินกู้ได้อย่างแน่นอน