บุรีรัมย์ - โจรควงอีโต้บุกเดี่ยวชิงทองร้านขายมือถือกลางเมืองบุรีรัมย์ ฉกทองไป 10 ถุง มอบตัวแล้ว หลัง ตร.ระดมกำลังไล่ล่าและกดดันหนัก อ้างติดพนันหาเงินใช้หนี้ จนท.ตรวจสอบแล้วพบทองที่ถูกชิงไปมีทั้งหมด 6 ชิ้น หนัก 3 บาทเศษ ไม่ใช่ 10 บาท
ความคืบหน้ากรณีที่มีคนร้ายเป็นชายรูปร่างสันทัด ความสูงประมาณ 160 เซนติเมตร แต่งกายมิดชิดด้วยเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว สวมหมวกกันน็อกสีแดงปิดบังใบหน้า ถือมีดอีโต้บุกเข้าไปชิงทองรูปพรรณ ภายในร้านขายโทรศัพท์มือถือ “พูนสินโฟน” ตั้งอยู่เลขที่ 17-19 ถนนพิพัฒน์ ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ได้ทองคำรูปพรรณที่ลูกค้านำมาจำนำไว้ 10 ถุง เหตุเกิดช่วงเวลา 12.57 น. วานนี้ (16 ม.ค.) ซึ่งกล้องวงจรปิดของร้านตัดผมซึ่งอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุสามารถบันทึกภาพคนร้ายขณะขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีได้ชัดเจน
ซึ่งหลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.ชาญชัย พงษ์พิชิตกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนภูธรจังหวัด และชุดสืบ สภ.เมืองบุรีรัมย์ เร่งออกติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว จากนั้นทางตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบได้ออกแกะรอยเบาะแสคนร้ายอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. วันที่ 17 ม.ค.63 ที่ผ่านมา ผู้นำชุมชน และญาติได้พา นายพิสิฎฐ์ พ่อค้า อายุ 29 ปี บ้านโคกสะอาด ต.สะแกซำ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ คนร้ายที่ก่อเหตุควงอีโต้ชิงทองร้านมือถือ เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์
พร้อมทั้งได้นำของกลาง สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 7.6 กรัม สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 3.8 กรัม แหวนทองคำ น้ำหนัก 0.9 กรัม ที่คนร้ายขโมยไป รวมทั้งรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นสปาร์ค สีแดงดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ที่คนร้ายใช้เป็นยานพาหนะในการก่อเหตุ หมวกกันน็อกสีแดง แบบครึ่งใบ เสื้อแขนยาวสีเขียวอมฟ้า กางแกงขายาวสีดำ รองเท้าแตะสีดำแบบคีบ ที่ใช้สวมใส่ในวันก่อเหตุ กระเป๋าสะพายข้างสีน้ำตาล 1 ใบ และธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 4 ฉบับ รวมเป็นเงิน 4,000 บาท ที่คนร้ายได้มาจากการนำทองไปขาย มาส่งมอบให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย
ซึ่งจากการสอบสวนนายพิสิฎฐ์ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นคนก่อเหตุถืออาวุธมีดเข้าไปชิงทองในร้านมือถือดังกล่าวจริง อ้างว่าที่ทำไปเพราะติดหนี้พนัน จึงต้องการหาเงินไปใช้หนี้พนัน โดยหลังก่อเหตุได้นำทองไปขายแล้วได้เงินมาประมาณ 30,000 บาท
หลังสอบสวนเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวไว้ดำเนินคดี ในข้อหา “ลักทรัพย์ โดยมีอาวุธ และโดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การกระทำผิด หรือเพื่อพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม”