บุรีรัมย์ - โจรงัดตู้เซฟร้านทองห้างฯ ดังบุรีรัมย์กวาดทองเกือบ 4 ล้านยังไม่ปริปากซัดทอดใคร ตร.เร่งสอบขยายผลเพิ่มค้านประกันตัว ขณะเพื่อนสาวที่เคยทำงานห้างฯ โร่นำกำไล แหวนทอง ที่คนร้ายเอาไปให้อ้างถูกหวยมาส่งมอบให้ตำรวจ ผวามีความผิดยันไม่ได้รู้เห็น
วันนี้ (16 ม.ค.) ความคืบหน้ากรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภาค 3 ชุดสืบสวนภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ และชุดสืบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้จับกุม นายประวิทย์ ไชยคีนี อายุ 32 ปี ชาว จ.เพชรบูรณ์ ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุบุกเดี่ยวเข้าไปงัดตู้เซฟร้านทองเยาวราชสินทวี ภายในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาบุรีรัมย์ ตั้งอยู่ ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ขโมยทองคำรูปพรรณ ทั้งสร้อยคอ กำไล แหวนทองที่ทางร้านเก็บไว้จำหน่ายให้แก่ลูกค้า และบางส่วนเป็นทองที่ลูกค้านำมาจำนำไว้ รวมน้ำหนัก 163 บาท คิดเป็นมูลค่าเกือบ 4 ล้านบาท ทั้งนี้ยังก่อเหตุลักขโมยโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กภายในห้างฯ ดังกล่าวด้วย เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้ามืดของ วันที่ 28 ธ.ค. และเมื่อวานนี้ (15 ม.ค.) พนักงานสอบสวน พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบได้ควบคุมตัว นายประวิทย์ ผู้ต้องหา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังห้างฯ ที่เกิดเหตุ และร้านทองภายในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ที่คนร้ายอ้างว่านำทองไปขายนั้น
ล่าสุด วันนี้ทาง พ.ต.ท.มนัสวุฒน์ บรรยงค์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองบุรีรัมย์ และ ร.ต.อ.ประจักษ์ คำนาค พนักงานสอบสวน เจ้าของคดี ได้สอบปากคำผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีกเพื่อสรุปสำนวนคดี แต่จนถึงขณะนี้ผู้ต้องหายังไม่ได้ปริปากซัดทอดถึงบุคคลใดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อเหตุ แต่อย่างไรก็ตาม จากพฤติการณ์การก่อเหตุและข้อพิรุธหลายอย่าง เช่น ชำนาญเรื่องเส้นทางเข้า-ออกห้าง รวมถึงตู้เซฟที่ผู้ต้องหาอ้างว่าไม่ได้ใส่รหัสและล็อกกุญแจไว้จึงสามารถขโมยทองไปได้อย่างง่ายดายนั้น เชื่อว่าน่าจะมีผู้ร่วมก่อเหตุหรือสนับสนุนในการก่อเหตุครั้งนี้ด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อสาวหาตัวผู้ร่วมกระทำผิดเพิ่มเติมให้ได้โดยเร็ว
เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ได้คัดค้านการประกันตัวในชั้นสอบสวน เนื่องจากมีมูลค่าทรัพย์สินที่ค่อนข้างมาก และเตรียมนำตัวไปส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ในช่วงบ่ายวันนี้
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดได้มีหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งอ้างว่าเคยทำงานห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใกล้ห้างฯ ที่เกิดเหตุกับผู้ต้องหา ได้นำกำไลข้อมือ 2 อัน และแหวนทอง 1 วง มาส่งมอบแก่พนักงานสอบสวนที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ โดยระบุว่าเคยทำงานห้างฯ เดียวกันและคบหากับผู้ต้องหาก่อนหน้านี้ แล้วก่อนที่จะถูกจับกุมจู่ๆ ผู้ต้องหาได้นำทองมาให้ โดยบอกว่าเขาถูกลอตเตอรี่จึงซื้อทองมาฝาก กระทั่งมารู้ข่าวภายหลังว่านายประวิทย์ถูกจับกุมเพราะเป็นคนร้ายงัดเซฟร้านทอง จึงตกใจและกลัวจะมีความผิดด้วย จึงได้นำทองที่นายประวิทย์เอามาให้มาส่งมอบแก่ตำรวจเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ว่าไม่ได้รู้เห็นหรือมีส่วนร่วมในการก่อเหตุครั้งนี้ด้วย
สำหรับทองคำรูปพรรณที่ผู้ต้องหาขโมยไปรวมน้ำหนัก 163 บาท แต่นำมาคืนได้จำนวน 101 บาท ส่วนที่เหลือผู้ต้องหาอ้างว่านำไปขาย และจำนำแล้วนั้น จะได้ทำการสอบสวนหาข้อมูลเพิ่มเติมเช่นกันว่านำไปขายแล้วจริงหรือไม่หรือยังซุกซ่อนไว้ที่ไหน
เบื้องต้นนายประวิทย์ถูกแจ้งข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยเข้าทางช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือรับของโจร, มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย, มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และเป็นผู้ขับขี่เสพยาเสพติดให้โทษโดยผิดกฎหมาย”