บุรีรัมย์ - ตร.บุรีรัมย์ คุมตัวหนุ่มบุกเดี่ยวงัดตู้เซฟร้านทองในห้างฯ ดัง กวาดทองคำรูปพรรณไป 163 บาท มูลค่าเกือบ 4 ล้าน ทำแผนจุดเกิดเหตุ เส้นทางเข้าออก และจุดนำทองไปขาย พร้อมเร่งสอบขยายผลสาวหาผู้ร่วมก่อเหตุ คาดเป็นคนใน ทั้งพิรุธคนร้ายอ้างว่าเซฟไม่ได้ล็อก
วันนี้ (15 ม.ค.) พ.ต.อ.นิธิศ ปิติธีระโชติ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วย ร.ต.อ.ประจักษ์ คำนาค รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองบุรีรัมย์ ,เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัด และชุดสืบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้ควบคุมตัว นายประวิทย์ ไชยคีนี อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาบุกเดี่ยวงัดตู้เซฟร้านทอง “เยาวราชสินทวี” ภายในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขา บุรีรัมย์ ตั้งอยู่ ต.อิสาณ อ.เมืองฯ จ.บุรีรัมย์ ขโมยทองคำรูปพรรณ ทั้งสร้อยคำ กำไล แหวนทองที่ทางร้านเก็บไว้ขายให้แก่ลูกค้า และบางส่วนเป็นทองที่ลูกค้านำมาจำนำไว้รวมน้ำหนัก 163 บาท คิดเป็นมูลค่าเกือบ 4 ล้านบาท ทั้งยังได้ก่อเหตุลักขโมยโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กภายในห้างดังกล่าวด้วย เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้ามืดของ วันที่ 28 ธ.ค. 62 ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังจุดเกิดเหตุร้านทองภายในห้างฯ
เริ่มตั้งแต่เส้นทางเข้าออก จุดที่ขโมยไขควง เลื่อย พร้อมใบเลื่อยที่ใช้ประกอบเหตุ ร้านที่ลักขโมยมือถือ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ก่อนจะเดินวนกลับไปงัดตู้เซฟขโมยทอง จากนั้นได้คุมตัวไปทำแผนยังร้านทองในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ที่คนร้ายให้ข้อมูลเอาทองที่ขโมยมาไปขาย ซึ่งระหว่างการทำแผนผู้ต้องหาก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
หลังทำแผนฯ เสร็จเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายประวิทย์ ผู้ต้องหา ไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ เพื่อสาวหาตัวผู้ร่วมก่อเหตุ ซึ่งนายประวิทย์ให้ข้อมูลเป็นประโยชน์ว่ามีคนร่วมก่อเหตุด้วย แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ขอเปิดเผยข้อมูลเพราะเกรงจะกระทบต่อรูปคดี แต่เชื่อว่าน่าจะคนในแน่นอนเพราะรู้เส้นทางเข้าออก และพิรุธสำคัญที่ผู้ต้องหาอ้างว่าตู้เซฟไม่ได้ล็อกและไม่ได้ใส่รหัสไว้ ซึ่งจะได้เร่งรวบรวมพยานหลักเพื่อจับกุมตัวมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว
เบื้องต้นนายประวิทย์ถูกแจ้งข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยเข้าทางช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือรับของโจร, มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย, มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และเป็นผู้ขับขี่เสพยาเสพติดให้โทษโดยผิดกฎหมาย