นครสวรรค์ - ตามส่อง “มูลนิธิบ้านสุขใจ ตากฟ้า” ยื่นขอเลี้ยง “น้องออมสิน” เด็กหญิง 2 ขวบที่ถูกแม่พาทิ้งหน้าสถานสงเคราะห์ลพบุรี-พ่อปฏิเสธเลี้ยงดู ขณะที่ “แม่เพ็ญ” เปิดใจยืนยันทำสวนฟักข้าว-รับธารน้ำใจเลี้ยงลูกบุญธรรมมา 20 ปี 15 คน
กรณีน้องออมสินวัย 2 ขวบ ถูกพ่อและแม่ปฏิเสธที่จะเลี้ยงดู โดยแม่ของเด็กหญิงรายนี้ถึงขั้นหอบน้องออมสินไปกดกริ่งทิ้งลูกพร้อมจดหมายไว้ที่หน้าสถานสงเคราะห์ จ.ลพบุรี จนนักสังคมสงเคราะห์ต้องพาน้องออมสินเข้าแจ้งความที่โรงพัก และต่อมามีนางชญาณ์พิมพ์ ชินปิติวงษ์ หรือแม่เพ็ญ ประธานมูลนิธิบ้านสุขใจ ในพื้นที่ อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ ได้เดินทางไปติดต่อทำเรื่องขอรับน้องออมสินไปอุปการะเลี้ยงดูเป็นบุตรบุญธรรมนั้น
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสำรวจสถานที่มูลนิธิบ้านสุขใจของนางชญาณ์พิมพ์ ชินปิติวงษ์ หรือแม่เพ็ญ ในพื้นที่ อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ พบว่ามีพื้นที่อาณาเขตกว่า 1 ไร่ และมีบ้านพักขนาด 2 ชั้นตั้งอยู่ใกล้กับสถานที่ปฏิบัติธรรม ขณะที่มูลนิธิดังกล่าวเพิ่งมีการจดทะเบียนแบบถูกฎหมายมาได้เพียง 1 ปี แต่มีการอุปการะเลี้ยงดูเด็กพิการ และเด็กกำพร้าไว้ทั้งหมด 15 คน
สอบถามนางชญาณ์พิมพ์ ประธานมูลนิธิบ้านสุขใจ เปิดเผยว่า อดีตตนเคยเป็นเจ้าของกิจการร่วมกับสามี และมีลูกด้วยกัน 2 คน แต่ภายหลังเกิดเลิกรากับสามี จนถึงขนาดธุรกิจล่มสลายต้องขายทรัพย์สินทุกอย่าง แล้วย้ายมาอยู่ที่ อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ จนถึงปัจจุบันนี้
ในระหว่างที่อยู่ตากฟ้า ตนได้รับอุปการะเลี้ยงดูเด็กพิการและเด็กกำพร้าเป็นลูกบุญธรรมปีละ 1 คน โดยมีลูกแท้ๆ ของตนคอยทำงานช่วยเหลือเลี้ยงดูเด็กเหล่านี้เหมือนน้องในไส้แท้ๆ ส่วนตนก็จะเลี้ยงแบบแม่ดูแลลูกแท้ๆ เช่นกัน เพราะมีความตั้งใจว่าการรับเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งถือเป็นการให้โอกาสในการดำเนินชีวิต และเป็นการอบรมบ่มเพาะให้เด็กโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดี มีความรับผิดชอบทั้งต่อตนเองและต่อสังคม
“ดิฉันรับเลี้ยงดูเด็กพิการและเด็กกำพร้ามานานกว่า 20 ปี ส่งเสียลูกบุญธรรมคนแรกเรียนจนจบ ม.6 และออกไปหางานทำแล้ว ส่วนลูกบุญธรรมคนที่ 2 เป็นผู้พิการทางสายตา แต่เป็นนักกีฬาว่ายน้ำระดับทีมชาติ ทำให้ดิฉันรู้สึกภูมิใจมาก และพร้อมจะสนับสนุนบุตรบุญธรรมทุกคนอย่างเต็มที่”
เมื่อถามถึงค่าใช้จ่ายที่นำมาเลี้ยงดูบุตรบุญธรรมทั้ง 15 คน นางชญาณ์พิมพ์ระบุว่า ส่วนใหญ่มีรายได้จากการบริจาคของผู้ใจบุญ แต่ตนก็ยังมีรายได้จากการทำสวนฟักข้าวส่งขายให้โรงงานด้วย ถึงแม้จะได้ไม่มากมายนัก แต่ลูกบุญธรรมที่อยู่ที่นี่ทุกคนก็มีความสุข มีอาหารการกินสมบูรณ์ทุกวัน ซึ่งตนจะส่งเสียให้ทุกคนได้เรียนหนังสือ พร้อมกับอบรมสั่งสอนให้ปฏิบัติตนเป็นคนดี และชี้แนะแนวทางในการใช้ชีวิตควบคู่ไปด้วย
นางชญาณ์พิมพ์กล่าวอีกว่า เราสามารถนำสิ่งที่เรามีอยู่ไปหล่อเลี้ยงเด็ก สร้างคนให้เป็นมนุษย์ด้วยศีล ซึ่งตนก็อยากจะให้โอกาสน้องออมสินแบบนั้นเหมือนกัน เพราะวันที่เห็นข่าวน้องออมสินครั้งแรกรู้สึกสงสารมาก เพราะน้องถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ จึงอยากช่วยเหลือในการให้ความรัก การดูแล เพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจ ประกอบกับในวันนั้นได้เดินทางไปทำธุระที่ลพบุรีอยู่แล้ว จึงไปทำเรื่องขอรับเลี้ยงดูน้องออมสิน
“หากในอนาคตได้ดูแลน้องออมสินจริง เราจะดูแลจนกว่าน้องจะสามารถดำเนินชีวิตได้ด้วยตนเอง และภายในสถานที่มูลนิธิแห่งนี้ก็มีเด็กหญิงวัยเดียวกับน้องออมสิน เราเชื่อว่าน้องจะมีความสุขดีอย่างแน่นอน” นางชญาณ์พิมพ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม เพจเฟซบุ๊กมูลนิธิบ้านสุขใจได้มีการนำภาพข้อความการสนทนากับบุคคลรายหนึ่งนำมาโพสต์ไว้ด้วย ซึ่งมีข้อความระบุว่า..ขอร้องอย่านำน้องออมสินมาเลี้ยง และขอให้น้องไปมีอนาคตที่ดีกว่านี้..ซึ่งทางเพจฯ ก็ได้มีการโพสต์ชี้แจง และมีบางช่วงบางตอนระบุว่า “การที่จะตัดสินว่าใครจะเลี้ยงเด็กให้มีอนาคตที่ดีได้ มันขึ้นอยู่กับอะไร มันขึ้นอยู่กับว่าต้องอยู่กับครอบครัวที่มีเงินมีทรัพย์สินจำนวนมาก ใช่หรือไม่” พร้อมกับมีการเชิญชวนมาเยี่ยมหาและพูดคุยกับเด็กที่อยู่ในสถานที่รับเลี้ยงแห่งนี้ได้ทุกวัน
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบตามร้านค้าต่างๆ ในเขตพื้นที่ อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ พบว่าหลายแห่งมีการตั้งกล่องรับบริจาคของมูลนิธิบ้านสุขใจเอาไว้ โดยแต่ละร้านระบุว่ามีคนนำกล่องบริจาคมาขอตั้งไว้นานกว่า 1 ปีแล้ว และจะมีคนของมูลนิธินี้เดินทางมาเก็บเงินรับบริจาคทุกๆ 2 สัปดาห์