พิษณุโลก - ฟาร์มเลี้ยงจระเข้บางกระทุ่มเริ่มจากตัวละพันขายตัวละหมื่น ใช้เวลา 3 ปีเศษ พัฒนาสู่ศูนย์เรียนรู้ “บ้านไร่ภูวสิน 159” เปิดร้านกาแฟกลางน้ำ-รีสอร์ตให้นักท่องเที่ยวมาเยือน พร้อมลุ้นกรมประมง “ปลดล็อก-ไซเตส” หวังส่งขายผลิตภัณฑ์ไปทั่วโลก
นายธิติวัฒน์ วรวิทย์ภูวสิน ผู้แทนวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้เลี้ยงจระเข้บ้านไร่ อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า หลังจากหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 34 ส่งเสริมและตั้งกลุ่มส่งเสริมอาชีพตามโครงการหมู่บ้านอย่างยั่งยืน ตนจึงได้จัดตั้งศูนย์เรียนรู้ “บ้านไร่ภูวสิน 159” ที่บ้านเลขที่ 159 หมู่ 5 ต.บ้านไร่ อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก ลักษณะเศรษฐกิจพอเพียง มีการเลี้ยงกบ เลี้ยงปลา เลี้ยงหมูป่า ไก่ชน ไก่พื้นเมือง ฯลฯ พร้อมกับสร้างบ่อเลี้ยงจระเข้ไว้ 5 ตัวเพื่อเป็นศูนย์ไว้รองรับท่องเที่ยว เนื่องจากที่ศูนย์เรียนรู้แห่งนี้พัฒนาเป็นบ้านพักโฮมสเตย์ มีห้องพักเล็กๆ ไว้รองรับ พร้อมมีร้านกาแฟกลางสระน้ำอีกด้วย ส่วนฟาร์มเลี้ยงจระเข้เกือบ 1 พันตัวนั้นอยู่ถัดออกไปไม่ห่างศูนย์เรียนรู้มากนัก เพราะจระเข้ต้องอยู่แบบที่เงียบๆ มิฉะนั้นจะไม่กินอาหาร
นายธิติวัฒน์กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านั้นได้ซื้อลูกจระเข้จากฟาร์มที่เพาะขายเป็นตัวๆ ในราคาหลักพันบาทเพื่อมาเลี้ยงในบ่อขนาดใหญ่ และขนาดเล็ก กรณีคัดเกรดเลี้ยงเพื่อเอาหนังจระเข้ เลี้ยงจระเข้มาแล้ว 3 รุ่น แต่ละรุ่นเลี้ยงประมาณ 3 ปีครึ่งก็สามารถทำรายได้ส่งขายหนังและเนื้อ กรณีหนังจระเข้นั้นได้คัดเป็นเกรด A B C ตามคุณภาพของตัวจระเข้ที่มีผิวหนังสวย ซึ่งจระเข้เกรด A จะต้องถูกเลี้ยงไว้ในบ่อเดี่ยว แบ่งเป็นคอก คอกละ 2 เมตรเศษนับร้อยคอก และฉาบปูนให้เรียบเพื่อป้องกันไม่ให้หนังท้องถูกขูดขีดข่วน
สำหรับการเลี้ยงบ่อเดี่ยวเพื่อคัดเกรดโดยเฉพาะ สามารถป้องกันไม่ให้จระเข้กัดกันจนทำให้ผิวหนังเสียหาย ส่วนการให้อาหารกินนั้นไม่ต้องให้ซากหมู หรือซากไก่ทุกวัน จึงไม่มีค่าใช้จ่ายด้านอาหารมากนัก ข้อสำคัญ จระเข้ไม่มีกลิ่นตัวเหม็นรบกวน พอเลี้ยงจระเข้จนได้ขนาดพร้อมจับขาย โดยการวัดเป็นระยะความยาวเป็น “นิ้ว” พิจารณาจากรอบอก ในราคาเฉลี่ยนิ้วละ 150 บาท
ซึ่งวัดความอ้วนของลำตัวจระเข้ เฉลี่ยขายได้ตัวละหมื่นกว่าบาทขึ้นไป เนื้อสามารถส่งโรงชำแหละ เนื้อจระเข้เกรดแพงสุดเพียง 100 บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น เนื้อเกรดรองๆ สามารถแปรรูปเป็นแพก-เนื้อแดดเดียว ส่วนหนังเป็นแผ่นๆ ในส่วนของหัวนั้นมีราคาแพงสุด บริเวณหน้าท้องทำเป็นกระเป๋าเงิน ลำตัวบนทำเข็มขัด อุ้งเท้าทำเป็นกุญแจ เลือดจระเข้ก็ยังขายได้ เนื่องจากมีสรรพคุณรักษาโรคเบาหวาน ความดัน หากรัฐบาลส่งเสริมเลี้ยงจระเข้เสรีก็จะทำให้เกษตรกรมีทางเลือก
ทั้งนี้ ปัญหาเรื่อง”ไซเตส” หรืออนุสัญญาระหว่างประเทศที่ควบคุมไม่ให้การค้าสัตว์ป่า เนื่องจากจระเข้น้ำจืดและน้ำเค็มถูกจัดอยู่ในประเภท 1 ไม่สามารถส่งผลิตภัณฑ์ส่งออกไปต่างประเทศได้ ทำได้เพียงขายในประเทศไทยเท่านั้น ขณะที่กรมประมงส่งเสริมให้เลี้ยงจระเข้ ทั้งๆ ที่ปัจจุบันจระเข้สามารถเพาะพันธุ์ได้แล้ว
ด้านนายณรงค์ บ่วงรักษ์ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 พิษณุโลก เปิดเผยว่า กรณีจระเข้น้ำจืดขึ้นบัญชีหมายเลข 1 เป็นสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ห้ามค้าเด็ดขาด กรณีนี้กรมประมงกำลังแก้ไขอยู่ เพราะถ้าผลิตภัณฑ์จระเข้จะส่งออกไปต่างประเทศได้นั้นจะต้องไปแก้อนุสัญญาไซเตส ซึ่งเป็นกำหมายระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ สมาชิกแต่ละประเทศมีการประชุมระหว่างสมาชิกด้วยกัน จะต้องยืนยันว่าประเทศไทยนั้นเพาะพันธุ์ได้ ขยายพันธุ์จระเข้ได้ ก็ยังพอมีแนวทางอยู่ ต้องชี้แจงว่าไม่ได้เบียดเบียนหรือทำร้ายจระเข้จากธรรมชาติ ซึ่งกรมประมงทราบดีและกำลังดำเนินการปลดข้อระเบียบ “ไซเตส” ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานก็จะบรรลุผลได้