นครสวรรค์ – พงส. ส่งปืน “พ.ต.ท.”มือยิง “ป๊อ ยอยาวใหญ่-เจ้าของร้านขายลูกชิ้นหนุ่มปากน้ำโพ” ให้ พฐ.กลาง ตรวจสอบ คาดอีก 1 เดือนสรุปส่งอัยการได้ ขณะที่ ผกก.บอกเหมือนรอกดเงินกันนานจนทะเลาะกันแล้วบานปลาย
ความคืบหน้า กรณี พ.ต.ท.ปกรณ์ เส็งทอง ตำแหน่ง อาจารย์ (สบ.3) กลุ่มงานอาจารย์ภาควิชาสืบสวน ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 6 ใช้อาวุธปืนยิงนายวิศิษฏ์ วงศ์สวัสดิ์ภักดี หรือป๊อ ยอยาวใหญ่ เจ้าของกิจการร้านขายลูกชิ้น จนได้รับบาดเจ็บ ที่หน้าตู้เอทีเอ็มธนาคารชื่อดังกลางเมืองปากน้ำโพ
ซึ่งต่อมานายวิศิษฏ์ ได้พาร่างที่ได้รับบาดเจ็บกระสุนตุงแก้มก้น เข้าแจ้งความดำเนินคดี และ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีได้เรียกให้ พ.ต.ท.ปกรณ์ มารับทราบข้อกล่าวหาฐานพยายามฆ่าผู้อื่น-มีและพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่เจ้าตัวให้การปฏิเสธทั้งหมด และไม่ขอให้การในชั้นพนักงานสอบสวน ตามที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด พ.ต.ต.สามารถ สาโรจน์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ ในฐานะเจ้าของคดี ได้นำอาวุธปืนขนาด 6.35 รวมถึงปลอกกระสุนปืน ที่ พ.ต.ท.ปกรณ์ ใช้ก่อเหตุยิงนายวิศิษฏ์ ส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานกลางที่กรุงเทพฯ เพื่อตรวจเก็บเขม่าดินปืนแล้ว ซึ่งต้องใช้เวลาในการตรวจสอบประมาณเกือบ 2 อาทิตย์ ถึงจะทราบผล แต่เบื้องต้นพบว่าปืน พ.ต.ท.ปกรณ์ ถูกใช้ยิงไปแล้ว 1 นัด และมีกระสุนปืนคาอยู่ในแมกกาซีนอีก 4 นัด
ส่วนการสอบปากคำทั้งผู้บาดเจ็บและพยานแวดล้อมที่อยู่ในเหตุการณ์ มีรายงานว่า ได้มีการสอบปากคำมารดาของนายวิศิษฏ์ เพียงรายเดียวเท่านั้น ขณะที่นายวิศิษฏ์ได้เข้าพักรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาลฯ และแจ้งว่าจะเข้าให้ปากคำในช่วงสายวันนี้(27 ธ.ค.) อย่างไรก็ตามทางพนักงานสอบสวนจะมีการเรียกพยานแวดล้อมคนอื่นๆ มาสอบปากคำในวันเดียวกันนี้ด้วย เพื่อนำผลการสอบปากคำที่ได้มารวมกับหลักฐานทั้งหมด ดำเนินการในชั้นอัยการต่อไป ซึ่งคาดว่า น่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน
ในส่วนของ พ.ต.ท.ปกรณ์ ที่ตอนนี้ยังไม่ถูกควบคุมตัวนั้น ทางพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีระบุว่า แม้ตอนนี้ พ.ต.ท.ปกรณ์ จะตกเป็นผู้ต้องหาแล้ว แต่เนื่องจากเจ้าตัวไม่มีพฤติการณ์หลบหนี อีกทั้งยังมีหน้าที่และสถานที่ทำงานเป็นหลักแหล่ง จึงได้ปล่อยตัวเป็นการชั่วคราว โดยไม่ต้องประกันตัวแต่อย่างใด ซึ่งต้องรอจนกว่าจะรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ จนครบถ้วน และเตรียมเข้าสู่ขั้นตอนการส่งฟ้องอัยการ จึงจะนำตัว พ.ต.ท.ปกรณ์ เข้าสู่ขั้นตอนนี้อีกครั้ง
ด้าน พ.ต.อ.วีรภัสส์ ห้วยหงษ์ทอง ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ เปิดเผยด้วยว่า ผลการสอบปากคำนางพนิต วงศ์สวัสดิ์ภักดี มารดาของนายวิศิษฏ์ ผู้บาดเจ็บ ได้ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และทราบว่าในวันเกิดเหตุ พ.ต.ท.ปกรณ์ ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาที่หน้าตู้เอทีเอ็มเพื่อรอกดเงินเช่นกัน ซึ่งอาจจะใช้เวลานานไปหน่อย ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันทั้งคำพูดและกิริยาบางอย่างในบางช่วงบางตอนของทั้ง 2 ฝ่าย จนทำให้เกิดเหตุการณ์บานปลายทะเลาะกันถึงขั้นรุนแรงดังกล่าว
“คงต้องรอผลการสอบปากคำนายวิศิษฏ์ รวมถึงพยานแวดล้อมคนอื่นๆ ถึงจะประมวลสรุปเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด มารวบรวมกับหลักฐานในการส่งฟ้องดำเนินคดีกับผู้ต้องหาต่อไป”