พระนครศรีอยุธยา- “ศรีสุวรรณ” นำชาวนครหลวงจี้เจ้าท่า-อุตสหกรรมอยุธยาสั่งระงับท่าเรือ-โรงงานมลพิษตามคำพิพากษา หลังพบว่ายังคงให้บริการเทียบเรือขนาดเกินกว่า 500 ตันกรอส อยู่เป็นจำนวนมาก
วันนี้(23 ธ.ค.)นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนและชาวบ้านจาก อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ได้เดินทางมายังสำนักงานเจ้าท่า สาขาอยุธยา เพื่อยื่นคำร้องให้ระงับการใช้ท่าเทียบเรือถ่านหินตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลางที่ได้มีคำพิพากษา เมื่อ 30 ก.ย. 10 ต.ค. และ 19 ธ.ค.62 ที่ผ่านมา
โดยที่ศาลปกครองกลางได้พิพากษา เพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมเจ้าท่า ที่อนุญาตให้ผู้ประกอบกิจการท่าเทียบเรือขนถ่ายสินค้าต่าง ๆ ที่เปลี่ยนวัตถุประสงค์หรือประเภทการใช้ท่าเทียบเรือขนาดไม่เกิน 500 ตันกรอส เป็นเกินกว่า 500 ตันกรอสได้ โดยให้มีผลย้อนหลังนับแต่วันที่อนุญาต ซึ่งสมาคมฯและชาวบ้าน ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ริมแม่น้ำป่าสัก อำเภอนครหลวง ยังพบว่ามีท่าเทียบเรือต่าง ๆ ยังคงให้บริการเทียบเรือขนาดเกินกว่า 500 ตันกรอสอยู่เป็นจำนวนมาก มิได้ยุติการใช้ท่าเทียบเรือแต่อย่างใด
ซึ่งก่อให้เกิดความเดือดร้อนและเสียหายต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมตลอดสองฝั่งแม่น้ำป่าสักเป็นอย่างมาก อาทิ การขัดขวางการสัญจรทางน้ำของประชาชน การทำให้ตลิ่งริมแม่น้ำทรุดตัวพังทลาย การขวางการใช้ประโยชน์บริเวณท่าน้ำของประชาชน การกีดกั้นทางเดินหรือทางไหลของน้ำ ฯลฯ ทั้ง ๆ ที่ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาโดยชัดแจ้งแล้วว่าให้เพิกถอนคำสั่งการอนุญาต
ด้วยเหตุดังกล่าว ทางสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน และประชาชนชาวนครหลวงได้เดินทางมายื่นคำร้องต่ออธิบดีกรมเจ้าท่า ผ่าน ผอ.สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 2 ขอได้ใช้อำนาจตามกฎหมายในการสั่งระงับการใช้ใบอนุญาตหรือการใช้ท่าเทียบเรือต่าง ๆ กว่า 50 ท่าเป็นการชั่วคราว ในพื้นที่แม่น้ำป่าสักตลอดสาย ที่เปลี่ยนวัตถุประสงค์หรือประเภทการใช้ท่าเทียบเรือขนาดไม่เกิน 500 ตันกรอส ให้สามารถใช้เทียบเรือขนาดเกินกว่า 500 ตันกรอส เป็นการเร่งด่วน หากการยื่นคำร้องนี้กรมเจ้าท่าไม่ปฏิบัติตามคำร้อง จะได้เดินทางไปยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป
และต่อจากนั้นได้เดินทางไปยื่นคำร้องต่ออุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา บริเวณศาลากลางจังหวัดเพื่อขอให้บังคับใช้ ม.35 และ ม.37 แห่ง พรบ.โรงงาน 2535 ตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง สำหรับโรงงานต่างๆตลอดริมแม่น้ำป่าสัก อ.นครหลวง ไม่ให้ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญต่อชาวบ้านด้วย และหากยังไม่มีการปฏิบัติตามคำพิพากษาใด ๆ สมาคมฯและชาวบ้านก็จะได้ยื่นเอาผิดต่อ ป.ป.ช.ต่อไปด้วย นายศรีสุวรรณกล่าวในที่สุด