เชียงราย – รมช.กระทรวงเกษตรฯพร้อมอธิบดีกรมปศุสัตว์พบปะกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่อ.แม่สายเชียงราย เพื่อร่วมหารือกับกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคกระบือในโครงการส่งเสริมให้แก่เกษตรกรให้มีอาชีพในช่วงฤดูแล้ง แนะให้มีการรวมกลุ่มเพื่อขอกู้เงินได้ 10 ล้านบาทเพื่อเป็นทุนดำเนินการ
นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ ได้นำคณะเดินทางไปเยี่ยมชมกิจการของกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคพื้นที่ จ.เชียงราย ณ ฟาร์มโคขุน 4 x4 บ้านหนองสี่แจ่ง ต.ศรีเมืองชุม อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยคณะได้แจ้งวัตถุประสงค์การพบปะว่าเพื่อร่วมหารือกับกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคกระบือในโครงการส่งเสริมให้แก่เกษตรกรให้มีอาชีพในช่วงฤดูแล้ง
โดยใช้สัตว์เลี้ยงประเภทโค กระบือ แพะ แกะ และสัตว์ปีก รองรับฤดูแล้งตลอดระยะเวลาประมาณ 4 เดือนตั้งแต่ต้นปี 2563 เป็นต้นไป ลักษณะเป็นการบริหารจัดการปศุสัตว์ด้วยปริมาณน้ำที่น้อยกว่าการปลูกพืชและสามารถใช้ทดแทนการทำการเกษตรประเภทอื่นได้เป็นอย่างดีด้วย รวมทั้งยังใช้เวลาเลี้ยงสัตว์เพียง 4 เดือนซึ่งสอดคล้องกับช่วงเวลาดังกล่าวก็สามารถขุนสัตว์ออกจำหน่ายได้พอดีด้วย
นายสัตวแพทย์สรวิศ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่ากรมปศุสัตว์โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินโครงการฯ โดยมีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เข้ามามีส่วนร่วมด้วยโดยจะให้เงินกู้แก่เกษตรกรเพื่อนำไปดำเนินการโดยคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำและยังเป็นอัตราคงที่เพื่อให้เกษตรกรสามารถดำเนินโครงการได้อย่างเต็มที่และไม่มีภาระมาก ข้อกำหนดคือหากเกษตรกรที่เลี้ยงโค กระบือ แพะ แกะ และสัตว์ปีก ก็สามารถเข้าร่วมโครงการได้เลยแต่ต้องมีการรวมกลุ่มกันอย่างน้อย 10 คนขึ้นไปให้เป็นวิสาหกิจชุมชนแล้วยื่นโครงการเพื่อขอสินเชื่อไปยัง ธ.ก.ส.โดยมีเงื่อนไขให้สินเชื่อ 1 กลุ่มสามารถกู้ยืมได้ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
"การเลี้ยงโค กระบือ แพะ แกะ และสัตว์ปีก นั้น เป็นการทำเกษตรที่ใช้น้ำน้อยแต่มีผลผลิตที่ให้ราคาดี ซึ่งสามารถแก้ปัญหาการทำอาชีพเพื่อเพิ่มรายได้ในช่วงภัยแล้งหรืออุทกภัยได้เป็นอย่างดีด้วย สำหรับ จ.เชียงราย ถือว่ามีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านและยังสามารถส่งออกสินค้าไปได้ถึงประเทศจีนที่มีความต้องการค้าปศุสัตว์จำนวนมากจึงถือเป็นโอกาสที่ดีอย่างยิ่ง ดังนั้นเกษตรกรที่สนใจสามารถติดต่อเพื่อปรึกษากับปศุสัตว์อำเภอและจังหวัดได้เลย" นายสัตวแพทย์สรวิศ กล่าว
ด้าน น.ส.ผกายมาศ เวียร์ร่า รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย ฝ่ายกิจการค้าชายแดน กล่าวว่าที่ผ่านมาสินค้าประเภทโคกระบือมีชีวิตนั้นทางการจีนได้ให้โควต้านำเข้าแก่ประเทศเมียนมาและ สปป.ลาว ปีละกว่า 1 ล้านตัวหรือประเทศละ 500,000 ตัว จึงถือว่าตลาดมีความต้องการสูงมากและในช่วงนี้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงก็สูงเพราะมีการปล่อยน้ำจากเขื่อนลงมาในปริมาณมากทำให้การสัญจรด้วยเรือขนส่งสินค้าในแม่น้ำโขงมีความสะดวก
รายงานข่าวจากด่านศุลกากรเชียงแสนแจ้งว่าในปี 2562 ประเทศไทยมีการส่งออกโคและกระบือมีชีวิต ผ่านด่านศุลกากรเชียงแสน โดยมีน้ำหนักรวมกันประมาณ 26,677 รวมมูลค่ากว่า 2,261,877,500 บาท ซึ่งถือเป็นสินค้าส่งออกจำนวนมากเป็นอันดับ 2 รองจากน้ำมันเชื้อเพลิง ปัจจุบันมีการส่งออกไปทางเรือขนส่งสินค้าแม่น้ำโขงโดยทางกรมปศุสัตว์ได้มีการพัฒนาสถานที่บริเวณด่านกักสัตว์ก่อนการส่งออกที่ อ.เชียงแสน ไว้แล้ว.