ศรีสะเกษ - อ่วม ตำรวจ สภ.กันทรลักษ์ ศรีสะเกษ แจ้งดำเนินคดี 8 ข้อหา “พระเขมร” สวมบัตรประชาชนคนไทย พยานหลักฐานแน่นหนาแต่ยังปากแข็งปฏิเสธทั้ง 8 ข้อหา ขณะญาติโยมยังศรัทธาแห่ให้กำลังใจคึกคัก ด้าน ผกก.ยืนยันพร้อมให้ความเป็นธรรม
วันนี้ (19 ธ.ค.) ที่ สภ.กันทรลักษ์ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พระจักรพันธ์ ไชยแก้ว พระลูกวัด วัดสังเม็ก หมู่ที่ 1 ต.สังเม็ก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วยทนายความส่วนตัวและกลุ่มชาวบ้านที่ศรัทธา ได้เดินทางมาพบ พ.ต.อ.คารม บุญสด ผกก.สภ.กันทรลักษ์ และ พ.ต.ท.สังวร วันทะวี รอง ผกก.สอบสวน สภ.กันทรลักษ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.ศรีสะเกษ เพื่อมอบตัวสู้คดี กรณีที่ถูกออกหมายจับของศาลจังหวัดกันทรลักษ์ ที่ 046/2562 ลงวันที่ 2 ธ.ค. 2562
เนื่องจาก พระจักรพันธ์ ธัมมรักขิโต หรือจักรพันธ์ ไชยแก้ว ตกเป็นผู้ต้องหา 8 ข้อหาด้วยกัน คือ 1. เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต 2. ยื่นคำขอมีบัตรโดยมิได้มีสัญชาติไทยด้วยการแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ 3. แจ้งข้อความหรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในการขอมีบัตร 4. ใช้หรือแสดงบัตรอันเกิดจากการยื่นคำขอมีบัตรโดยไม่ได้มีสัญชาติไทยด้วยแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ 5. เป็นคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ ทำ ใช้ หรือ แสดง หลักฐานอันเป็นเท็จเพื่อให้ตนมีชื่อหรือรายการอย่างหนึ่งอย่างใดในทะเบียนบ้านหรือเอกสารการทะเบียนราษฎรอื่นโดยมิชอบ 6. แจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย
ข้อหาที่ 7 แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จในเอกสารมหาชน หรือเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และ 8. ใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จในราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
พ.ต.ท.สังวรได้รับมอบตัวพระจักรพันธ์ไว้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย จากนั้นได้นำตัวพระจักรพันธ์ ไปฝากขังผัดแรกที่ศาลจังหวัดกันทรลักษ์ ซึ่งพนักงานสอบสวน และคณะสงฆ์ อ.กันทรลักษ์ ผู้เสียหาย ได้ขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเห็นว่าน่าจะหลบหนีและจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน โดยมีกลุ่มชาวบ้านที่ศรัทธาแห่ตามไปให้กำลังใจที่ศาลจังหวัดกันทรลักษ์ ซึ่งในชั้นพนักงานสอบสวน ผู้ต้องหาได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
พ.ต.อ.คารม บุญสด ผกก.สภ.กันทรลักษ์ กล่าวว่า ตามที่มีผู้ร้องเรียนให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พระจักรพันธ์ ธัมมรักขิโต หรือจักรพันธ์ ไชยแก้ว ผู้ต้องหาคดีนี้ว่าเป็นพระต่างด้าว ถือหนังสือสุทธิพระภิกษุสามเณรประเทศกัมพูชา จำพรรษาอยู่วัดบ้านสังเม็ก นั้น จากการตรวจสอบของทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพบว่าผู้ต้องหาได้มีการสวมสิทธินายบุญทำ ไชยแก้ว หมายเลขประจำตัวประชาชน 3 3304 00094 357 ซึ่งเสียชีวิตแล้ว แต่ไม่ได้แจ้งตาย เพื่อทำบัตรประจำตัวประชาชน และนายอำเภอกันทรลักษ์มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเสร็จแล้ว และมีคำสั่งสำนักทะเบียนอำเภอกันทรลักษ์ ที่ 741/2561 ลงวันที่ 30 กันยายน 2562 ให้ระงับความเคลื่อนไหวรายการทะเบียนราษฎร รายการบุคคล นายจักรพันธ์ (บุญทำ) ไชยแก้ว กรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นการขอมีบัตรประจำตัวประชาชนโดยมิชอบ และผู้ต้องหาได้รับทราบคำสั่งแล้ว จนกระทั่งล่วงเลยระยะเวลาการอุทธรณ์คำสั่งแล้วผู้ต้องหามิได้โต้แย้งหรืออุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวแต่อย่างใด
ต่อมา พระศรีวรเวที ตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอกันทรลักษ์ แจ้งผลการตรวจสอบหนังสือสุทธิสำหรับพระภิกษุสงฆ์ที่ผู้ต้องหานำมาแสดง พบว่าเป็นการปลอมเอกสาร และได้มีหนังสือที่ สก 0501/25 เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2560 ให้ระงับหนังสือสุทธิ ขณะที่ พระครูอุดม ธรรมวินัย เจ้าคณะตำบลสังเม็ก เขต 1 ยืนยันว่าผู้ต้องหาเป็นพระต่างด้าวไม่ได้อุปสมบทในประเทศไทย เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารยืนยันว่าผลการตรวจสอบ ประวัติการลงบัญชีทหารของผู้ต้องหา ซึ่งเป็นชายไทย ผลปรากฏว่าพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวเป็นผู้ลงบัญชีทหารกองเกินทั้งสิ้น ยกเว้นผู้ต้องหา หรือนายจักรพันธ์ (นายบุญทำ) ซึ่งไม่พบประวัติการลงบัญชีทหารแต่อย่างใด
พ.ต.อ.คารมกล่าวอีกว่า เอกสารสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ ใบสุทธิของพระกัมพูชา ซึ่งรับรองการแปลโดยหน่วยประสานงานชายแดนประจำพื้นที่ 1 สาระสำคัญระบุว่า บุคคลผู้ถือบัตรนี้ชื่อ เตง กซาน เกิดที่ตำบลโอร์กันดาล อำเภอกรอโกร์ จังหวัดโพธิสัตย์ อุปสมบทเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2532 ขณะอายุ 21 ปี ฉายาว่า ธรรมรักขิโต และเป็นที่น่าสังเกตว่านายจักรพันธ์ (นายบุญทำ) ไชยแก้ว ขอมีบัตรประจำตัวประชาชนครั้งแรก เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2547 ขณะนั้นอายุ 37 ปี
ยิ่งกว่านั้น เมื่อคณะกรรมการตามคำสั่งของนายอำเภอกันทรลักษ์ได้ขอความร่วมมือในการตรวจหาสารพันธุกรรม (DNA) เพื่อเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สำหรับพิสูจน์สัญชาติ ความเป็นแม่ลูก ของนายจักรพันธ์ ไชยแก้ว และนางเศียร ไชยแก้ว อ้างว่าเป็นแม่ ก็บ่ายเบี่ยงไม่ยินยอมให้ตรวจ แต่เมื่อนำตัวผู้ต้องหามาที่ศาลจังหวัดกันทรลักษ์ ผู้ต้องหาและหญิงที่อ้างว่าเป็นแม่ได้ยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตรวจหา DNA ได้แล้ว ซึ่งตนพร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหาตามกฎหมายอย่างเต็มที่