พิษณุโลก - รวบผัวเมียเปิดเฟซบุ๊กตุ๋นคนบางระกำลงทุนทำงานเสริม โฆษณาบอกได้กำไรเป็นเท่าตัว จนเหยื่อหลงเชื่อทั้งกู้เงิน-จำนำทอง/รถ สูญเงินกันกว่า 30 ล้าน สารภาพเห็นเงินเยอะลุยเอง-ไม่ส่งแม่ข่ายกำแพงเพชร แต่หมุนเงินไม่ทัน
วันนี้ (19 ธ.ค.) พล.ต.ต.กานตพงศ์ ชัยรุ่งเรือง ผบก.สส.ภ.6 พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมพร ทองรอด รอง ผบก.สส.ภ.6 และทีมชุดเฉพาะกิจละไม, ตำรวจกองปราบปราม ได้คุมตัวนายวิญญู ดีมี อายุ 34 ปี และนางศิริพร ดีมี อายุ 36 ปี สองสามีภรรยา ชาว จ.พิษณุโลก ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดพิษณุโลก ที่ 372/2562 และ ที่ 373/2562 ลงวันที่ 14 ธ.ค. ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ที่ติดตามจับกุมได้ที่ จ.สมุทรปราการ นำมาสอบสวนที่ บก.สส.ภ.6 ท่ามกลางชาวบ้านที่ตกเป็นเหยื่อพากันมาเฝ้ารอดูหน้าผู้ต้องหาทั้งคู่กว่าร้อยคน
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพเบื้องต้นว่าได้เปิดเฟซบุ๊กโฆษณาชักชวนให้คนมาทำงานหารายได้เสริม ระยะแรกจะส่งให้กับแม่ข่ายรายใหญ่ที่ อ.ลานกระบือ จ.กำแพงเพชร มีการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารให้กับผู้ที่มาร่วมลงทุนจริง แต่เห็นว่าทำแล้วมีเงินหมุนเวียนเข้ามาเยอะจึงตัดสินใจทำเองโดยไม่ส่งเงินให้กับแม่ข่าย กระทั่งตั้งตัวเป็นแม่ข่ายเอง จนสุดท้ายหมุนเงินไม่ทันไม่มีเงินไปจ่ายให้กับชาวบ้านที่มาร่วมลงทุนจนความแตก และถูกติดตามจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
นางสิทธิณี สระทองเติม อายุ 52 ปี ชาวบ้าน อ.บางระกำ ผู้เสียหายกล่าวว่า ตนเองนำทองที่มีรวมกับเงินเก็บจำนวน 4 แสนบาท ไปร่วมลงทุนกับกลุ่มผู้ต้องหาด้วยการนำดอกรักมาแพกขาย ซึ่งต้องไปซื้ออุปกรณ์จากนางศิริพรที่บ้านพักใน อ.บางระกำ ในราคาชุด 350 บาท เมื่อแยกส่งขายเป็นแพกจะได้เงินต้นรวมกำไร 600 บาท โดยลงทุนซื้ออุปกรณ์ครั้งละหลายร้อยชุด จากนั้นก็ต้องรอเงินโอนเข้าบัญชีทุก 20 วัน
แต่ระยะหลังไม่ได้เงินคืนตามที่ตกลงกัน พอทวงถามก็ถูกบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา จนสุดท้ายมาทราบว่ามีชาวบ้านหลายรายถูกโกงในลักษณะเดียวกันจึงรวมตัวกันไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนที่เดินทางมาในวันนี้เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีว่าจะได้เงินคืนหรือไม่ เพราะต้องการแค่เงินที่ลงทุนไปคืนก็พอไม่สนใจกำไรที่ควรจะได้แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย พร้อมกับตัวแทนของชาวบ้านผู้เสียหายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ได้พาผู้ต้องเดินไปขึ้นรถตู้ที่จอดไว้ด้านหน้าอาคาร โดยมีกลุ่มชาวบ้านซึ่งยังอยู่ในอารมณ์โมโหโกรธแค้น พยายามจะฝ่าแนวกั้นของตำรวจเข้าไป แต่เจ้าหน้าที่ได้ห้ามเอาไว้ จากนั้นก็ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาเดินไปขึ้นรถตู้ไปส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีและเจ้าของท้องที่ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป ซึ่งชาวบ้านแต่ละคนต่างตะโกนสาปแช่งตามหลังต่างๆ นานา เพราะไม่คิดว่าคนในอำเภอเดียวกัน หมู่บ้านเดียวกัน จะหากินบนความทุกข์ของคนอื่น ก่อนจะนำผู้ต้องหา
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาชาวบ้านหลายหมู่บ้านหลายตำบลใน อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก นับ 100 ราย ได้เข้าแจ้งความว่าถูกกลุ่มมิจฉาชีพใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า “บ้านบีบีงานเสริม” และ “ขวัญงานเสริม” ชักชวนให้ลงทำอาชีพเสริมรายได้ เช่น แยกสีกระดิ่ง แยกสียางวง และแพ็คดอกรักส่งโรงงาน โดยโฆษณาว่าจะได้ค่าจ้างพร้อมกำไรแตกต่างกันไป โดยมีชาวบ้านจำนวนมากหลงเชื่อพากันนำเงินไปลงทุนซื้อของและอุปกรณ์จากแม่ข่าย มาทำกันในครอบครัว บางรายถึงกับกู้หนี้นอกระบบ-นำทอง รถยนต์ไปเข้าไฟแนนซ์เพื่อนำเงินมาลงทุน แต่สุดท้ายกลับถูกหลอกถูกโกงไม่ได้กำไรจริงตามที่กลุ่มมิจฉาชีพโฆษณาเอาไว้ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายจำนวนกว่า 30 ล้านบาท