xs
xsm
sm
md
lg

ปปง.เป็นศูนย์กลาง รับแจ้งผู้เสียหายในคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์-ฉ้อโกงทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



- ปปง. จับมือ สตช. สถาบันการเงิน จัดประชุมร่วมแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการฉ้อโกงทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยให้(ศปก.ปปง.) เป็นศูนย์กลางในการประสานงานและรับแจ้งเหตุจากผู้เสียหาย

วันนี้ (29 พ.ย.) ณ โรงแรมเดอะเบอร์เคลีย์ โฮเต็ล ประตูน้ำ กรุงเทพฯ พล.ต.ต.ปรีชา เจริญสหายานนท์ รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานร่วมกันในการเปิดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อทบทวนแนวทางการประสานงานระหว่างศูนย์ประสานงานเพื่อปฏิบัติการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ศปก.ปปง.) กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการฉ้อโกงหรือหลอกลวงทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมี ตำรวจ ผู้แทนจากธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และสถาบันการเงิน เข้าร่วม

พล.ต.ต.ปรีชา กล่าวว่า สำนักงาน ปปง. ได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานเพื่อปฏิบัติการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ศปก.ปปง.) เพื่อเป็นศูนย์กลางในการประสานงานและรับแจ้งเหตุจากประชาชนผู้เสียหายจากการถูกหลอกลวงโดยกลุ่มมิจฉาชีพหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และฉ้อโกงหรือหลอกลวงทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์อื่น เช่น แก๊งโรแมนซ์สแกม เป็นต้น ผ่านช่องทางสายด่วน 1710 ซึ่งเป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างสำนักงาน ปปง. , สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสถาบันการเงิน

พล.ต.ต.ปรีชา กล่าวอีกว่า จากสถิติที่ผ่านมาพบว่า การบูรณาการการทำงานร่วมกันดังกล่าวประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง สามารถอายัดเงินในบัญชีของผู้กระทำความผิดไว้ได้ก่อนที่จะถูกมิจฉาชีพถอนเงินออกไปและคืนให้ประชาชนเพื่อเป็นการเยียวยาได้เป็นจำนวนกว่า 26 ล้านบาท สำหรับการประชุมในวันนี้ เป็นการปรับปรุงรูปแบบและแนวทางการดำเนินงานเพื่อให้ทันต่อรูปแบบการหลอกลวงของมิจฉาชีพที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยโดยการปรับปรุงขอบเขตการดำเนินงานให้ครอบคลุมพฤติการณ์การกระทำความผิดของกลุ่มมิจฉาชีพตลอดเวลาเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถลดปัญหาการถูกหลอกลวงและเร่งนำเงินมาคืนประชาชนให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะในกรณีการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน เช่น แชร์ลูกโซ่ เป็นต้น

พล.ต.ต.ปรีชา กล่าวเพิ่มว่า เพื่อเป็นการตัดวงจรอาชญากรรรมและตัดเส้นทางทางการเงินของผู้กระทำความผิด สำนักงาน ปปง. จะเน้นการสืบสวนขยายผลโดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่การยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในรายคดีต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ให้เกิดความเข้มข้น มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงาน เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน และเพื่อความสงบสุข ความมั่งคงของประเทศชาติต่อไป ภายใต้ปรัชญาการทำงานที่ว่า “ทรัพย์สินใดเป็นของแผ่นดิน ทรัพย์สินนั้นต้องกลับคืนแผ่นดินโดยไม่มีเงื่อนไขด้วยกฎหมายฟอกเงิน” ทั้งนี้ หากพบเห็นบุคคลใดเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงิน ขอให้โทรแจ้งหรือสอบถามได้ที่สายด่วน ปปง. 1710 หรือศูนย์ PCT 1599 และ 1155

ด้าน พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ เผยว่า การประชุมครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับความร่วมมือในการดำเนินการกับผู้กระทำความผิดในทุกมิติ ทั้ง การเฝ้าระวัง การปราบปราม การสืบสวนเส้นทางทางการเงิน และอายัดทรัพย์สิน เพื่อสามารถนำมาเฉลี่ยทรัพย์คืนให้แก่ผู้เสียหายได้ทันท่วงที โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับนโยบายจากรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ จึงจัดตั้งศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศหรือ ศปอส.ตร. (Police Cyber Taskforce : PCT) ขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว

"โดยมีคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบแบ่งเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1.การหลอกลวงผ่านสื่อออนไลน์ หรือ Scams 2.ฉ้อโกงประชาชนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ 3.การเสนอข่าวบิดเบือน (Fake News) และ 4.ความผิดที่เกี่ยวกับความมั่นคงผ่านสื่อออนไลน์ โดยทาง ศูนย์ PCT จะได้มีการประสานความร่วมมือกับสำนักงาน ปปง., ธนาคารทุกแห่งและหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้อง สำหรับประชาชนผู้เสียหายที่มาแจ้งความร้องทุกข์โดยตรง ณ ที่ทำการของศูนย์ฯ ชั้น 1 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือผ่านช่องทางสายด่วน 1599 และ 1155"


กำลังโหลดความคิดเห็น