xs
xsm
sm
md
lg

จนท.ตัดกุญแจวิหารตรวจวัตถุมงคล-ทรัพย์สินวัดหลวงพ่อเงินฯ 11 จุด แต่เจอกลุ่มต้านซ้ำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พิจิตร - เจ้าหน้าที่บังคับคดี พร้อมตำรวจ-ฝ่ายปกครอง ตัดกุญแจวิหารฯ เข้าตรวจวัตถุมงคล-ทรัพย์สินวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน 11 จุด แต่เจอกลุ่มมวลชนรวมตัวต้านซ้ำอีก จนต้องแปะหมายไว้เป็นเบื้องต้นก่อน





ความคืบหน้าการแก้ปัญหาวัดหิรัญญาราม “วังตะโก” หรือวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ตั้งอยู่ที่หมู่ 5 ต.บางคลาน อ.โพทะเล จ.พิจิตร ที่เกิดปัญหาความวุ่นวายมาอย่างยาวนาน และมีการปลดเจ้าอาวาส พร้อมแต่งตั้งพระครูพิสุทธิวรากร เข้ารักษาการแทนฯ แต่ก็ไม่สามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้ รวมทั้งยังไม่ได้รับการส่งมอบทรัพย์สินนั้น

วันนี้ (19 ธ.ค.) ก็ยังคงเกิดความวุ่นวายขึ้นที่วัดอีกครั้ง เมื่อนางพรพิมล พลเดช ผู้อำนวยการสำนักงานบังคับคดีจังหวัดพิจิตร พร้อมนายกิตติศักดิ์ แก้ววิเชียร ผอ.กลุ่มคุ้มครองพระพุทธศาสนา สนง.พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ,นายบุญเลิศ ศิริษา นายอำเภอโพทะเล, พ.ต.อ.วิสุทธิ์ คล้ายแสง ผกก.สภ.โพทะเล พร้อมด้วยกำลังตำรวจและ อส. ในพื้นที่รวมกับตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตรเกือบ 100 นาย ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบทรัพย์สินวัดหิรัญญาราม หรือวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ตามที่พระครูพิสุทธิวรากร รักษาการเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม ได้ร้องขอเพื่อใช้สิทธิตามกฎหมายและตามคำพิพากษาศาลฎีกา


แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งฝ่ายโจทก์ คือ ไวยาวัจกร ได้พยายามจะเข้าไปในวิหารสีขาว สถานที่เก็บวัตถุมงคลจุดหนึ่งของวัดและต้องตัดกุญแจเข้าไปจนพบเจอวัตถุมงคลอยู่ในกล่องจำนวนมาก พร้อมสมุดบัญชีที่จดบันทึกรายรับ-รายจ่ายของปี พ.ศ. 2545 และสมุดบัญชีอื่นๆ อีกหลายรายการ ที่ล้วนเป็นหลักฐานสำคัญ และพยายามจะเข้าตรวจสอบจุดอื่นๆ ภายในวัดรวม 11 แห่ง แต่กลับถูกกลุ่มบุคคลที่เคยมีการแจ้งความดำเนินคดีบุกรุก และคดีอื่นๆ พากันมาขัดขวาง-ตะโกนโห่ร้อง รวมถึงขว้างปาสิ่งของเข้าใส่เจ้าหน้าที่ แม้จะมีกำลังตำรวจและ อส.นับร้อยคนควบคุมสถานการณ์อยู่ก็ตาม ทำให้การทำงานเจ้าหน้าที่เป็นไปด้วยความยากลำบากจนไม่สามารถเข้าตรวจสอบได้ครบทั้ง 11 จุดดังกล่าว แต่เบื้องต้นเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ปิดประกาศขับไล่ตามคำพิพากษาศาลพิจิตรไว้แล้ว




ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่บังคับคดีรายหนึ่งให้ข้อมูลว่าจะต้องทำรายงานศาลยุติธรรมไปตามระบบ หากมีคนใดคนหนึ่งประพฤติตนวุ่นวายขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่บังคับคดี และบุคคลผู้นั้นเคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกรอลงอาญา โดยมีเงื่อนไขห้ามยุ่งเกี่ยวหรือเข้ามาในวัด รวมถึงห้ามประพฤติตนวุ่นวายขัดขวางการทำงานของรักษาการเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม ก็ขอให้ไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดี ซึ่งจะต้องรับโทษจำคุกจากคราวที่รอลงอาญาบวกรวมกับความผิดที่ได้กระทำในครั้งนี้เข้าไปด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่บันทึกภาพและคลิปวิดีโอไว้อย่างชัดเจนแล้ว






กำลังโหลดความคิดเห็น