ศูนย์ข่าวศรีราชา - นักรบแห่งราชนาวี ประกอบพิธีบวงสรวงถวายสักการะ องค์บิดาของทหารเรือไทย หวนรำลึก 139 ปี แห่งการประสูติ "เสด็จเตี่ย"
วันนี้ (19 ธ.ค.) พล.ร.ท.วราห์ แทนขำ ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ เป็นประธานประกอบพิธีบวงสรวงถวายสักการะพระอนุสาวรีย์ พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ องค์บิดาของทหารเรือไทย หรือเสด็จเตี่ย เนื่องในวันคล้ายวันประสูติ ครบ 139 ปี ณ สวนกรมหลวงชุมพร กองทัพเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
โดยมี นายอนุชา อินทศร นายอำเภอสัตหีบ พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือ ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าร่วม
ทั้งนี้ วันที่ 19 ธันวาคมของทุกปี กองทัพเรือถือเป็นวันคล้ายวันประสูติ พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ (เสด็จเตี่ย) หรือองค์บิดาทหารเรือไทย และที่เหล่าทหารเรือต่างทราบกันดีในพระนาม “อาภากร” ผู้เป็นที่เทิดทูนยิ่งของเหล่าทหารเรือ และประชาชนโดยทั่วไป
ดังจะเห็นได้จากการถวายพระนามท่านว่า “เสด็จเตี่ย” นับได้ว่าเป็นเจ้านายที่มีบุคคลให้ความเคารพสักการะเป็นจำนวนมาก เรียกได้ว่ามีจำนวนพระอนุสาวรีย์ และศาลพระรูปมากที่สุดพระองค์หนึ่งของไทย โดยในปัจจุบันมีมากกว่า 500 แห่งทั่วประเทศ
พระองค์ทรงมีพระนามเดิมว่า พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 28 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ที่ 1 ในเจ้าจอมมารดาโหมด ประสูติเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ.2423 ในพระบรมมหาราชวัง
เสด็จในกรมฯ เป็นเจ้านายพระองค์แรกที่สำเร็จการศึกษาวิชาการทหารเรือจากประเทศอังกฤษ ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริว่า กิจการทหารเรือไทย เท่าที่เป็นอยู่ในขณะนั้นต้องอาศัยชาวต่างชาติเป็นผู้บัญชาการเรือ และป้อมอยู่เป็นอันมาก จึงไม่สู้จะมีความมั่นคงเท่าใดนัก
ภายหลังจากที่เสด็จในกรมฯ ทรงสำเร็จการศึกษา และเข้ารับราชการทหารเรือแล้ว พระองค์ทรงเป็นกำลังสำคัญที่ทำให้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเห็นความสำคัญ และโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชวังเดิม ให้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนนายเรือ พระองค์ได้แก้ไขปรับปรุงระเบียบการในโรงเรียนนายเรือให้ทันสมัย เพื่อให้ผู้ที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายเรือ เป็นนายเรือที่มีความรู้ ความสามารถ เทียบได้กับนายทหารเรือต่างประเทศ
จากการที่พระองค์ทรงเป็นนักยุทธศาสตร์ที่เล็งเห็นการณ์ไกล พระองค์ได้ทูลเกล้าขอพระราชทานที่ดินบริเวณอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานที่ดินที่สัตหีบให้แก่กองทัพเรือ เพื่อจัดตั้งเป็นฐานทัพเรือ เมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ.2465
นอกจากพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ดังที่กล่าวมาแล้ว พระองค์ยังทรงมีพระปรีชาสามารถ และมีคุณูปการยิ่งแก่กองทัพเรือ เช่น ทรงเป็นผู้บังคับการเรือนำเรือหลวงพระร่วง จากประเทศอังกฤษ เข้ามายังกรุงเทพมหานคร
นับเป็นครั้งแรกที่นายทหารเรือไทยเดินเรือได้ไกลข้ามทวีป ทรงจัดตั้งกองการบินทหารเรือ ทรงเปลี่ยนสีเรือรบของทหารเรือจากสีขาว เป็นสีหมอกให้เหมือนกับเรือรบต่างประเทศ เพื่อให้เกิดความกลมกลืนกับลักษณะของสีน้ำทะเล และภูมิประเทศ ซึ่งกองทัพเรือได้นำสีดังกล่าวมาใช้เป็นสีเรือทุกลำของกองทัพเรือตราบจนปัจจุบัน