xs
xsm
sm
md
lg

ชาวนาฮิตใช้เครื่องทำนาหยอดแห้งแทนแรงงานคน ย้ำทั้งประหยัดเงิน-ใช้เวลาน้อยกว่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์





กาฬสินธุ์ - พบชาวนาค้นพบการทำนาปรังแบบใหม่โดยใช้เครื่องหยอดเมล็ดข้าวเปลือกที่ได้จากนวัตกรรมภูมิปัญญาช่างท้องถิ่นติดตั้งกับรถไถนาเดินตามแล้วทำการหยอดแห้ง เผยสะดวก รวดเร็ว พื้นที่ 5 ไร่ใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงแล้วเสร็จ ใช้เมล็ดพันธุ์ 30 กก. ประหยัดกว่าการทำนาหว่านนาดำหลายเท่าตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามบรรยากาศการทำนาปรังของชาวนา จ.กาฬสินธุ์ ในพื้นที่รับน้ำชลประทานลำปาว หลังทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว ระบายน้ำเพื่อการเกษตรกรรมในฤดูแล้ง ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา พบว่าได้ลงมือไถ คราด และเพาะปลูกกันแล้ว

นายนิวาส คำฤาเดช ชาวนาบ้านตูม ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า วิธีการทำนาของชาวนาในทุกวันนี้นิยมทำนาหว่าน ทั้งหว่านตมและหว่านแห้ง เพราะสะดวก รวดเร็วและประหยัดกว่าการทำนาดำ เนื่องจากการทำนาดำต้องทำหลายขั้นตอน เช่น หว่านเมล็ดพันธุ์ ถอนกล้า นำไปปักดำ ต้องใช้แรงงาน ทำให้สิ้นเปลืองรายจ่ายในการถอนต้นกล้าและปักดำเป็นจำนวนมาก หากรวมค่าปุ๋ย ค่าแรงงาน ค่ารถไถ คราด เฉลี่ยต้นทุนการทำนาดำตกไร่ละไม่ต่ำกว่า 5 พันบาท จึงสู้ทำนาหว่านไม่ได้ คือหว่านครั้งเดียวจบ รอเก็บเกี่ยวอย่างเดียว




นายนิวาสบอกอีกว่า การทำนาหว่านมี 2 วิธี คือ หว่านตม และหว่านแห้ง เมล็ดพันธุ์อาจจะใช้แบบเมล็ดแห้งหรือผ่านการบ่มเพาะโดยการแช่น้ำจนมีรากงอกออกมานิดหน่อยก็ได้ ตามสะดวก ขณะที่การหว่านแต่เดิมใช้มือกำเมล็ดข้าวหว่าน ต่อมามีการพัฒนามาเป็นเครื่องพ่นเมล็ดพันธุ์เพื่ออำนวยความสะดวก ช่วยให้การหว่านข้าวรวดเร็วยิ่งขึ้น

แต่ระยะความห่างของเมล็ดพันธุ์และต้นข้าวเมื่องอกออกมาไม่สม่ำเสมอ ถี่บ้าง ห่างบ้าง ทำให้เสียเวลามาถอนและซ่อมแซมต้นข้าวอีก ไม่จบในครั้งเดียว

ตนจึงได้คิดหาวิธีการเพาะปลูกข้าวแบบใหม่เพื่อทางเลือกที่ดีกว่า โดยคิดว่าหากมีเครื่องหยอดเมล็ดข้าวเปลือกติดตั้งกับรถไถนาเดินตาม คงจะทำให้ต้นข้าวงอกสม่ำเสมอ และสะดวกกว่าการใช้มือหว่าน หรือดีกว่าใช้เครื่องพ่นเมล็ด


จากนั้นจึงได้นำแนวคิดไปปรึกษากับช่างเชื่อมเหล็กหลายคน เพื่อให้ออกแบบและประดิษฐ์เครื่องหยอดเมล็ดข้าวเปลือก ก่อนที่จะไปพบกับช่างท้องถิ่นคนหนึ่ง ที่ อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งได้ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นออกแบบและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อนำเครื่องหยอดเมล็ดข้าวมาใช้งานในฤดูกาลเพาะปลูกข้าวนาปีที่ผ่านมาได้ผลดีมาก

คือทำเวลาได้รวดเร็ว ประหยัดทั้งค่าใช้จ่าย ประหยัดเวลา ประหยัดเมล็ดพันธุ์ โดยพื้นที่ 5 ไร่ใช้เวลาหยอดเมล็ด 3 ชั่วโมงแล้วเสร็จ ใช้เมล็ดพันธุ์เพียง 30 กก. หลังจากหยอดเสร็จก็ปล่อยน้ำขังแปลงนาเพื่อให้ความชุ่มชื้นที่พอเหมาะ ประมาณ 5-7 วันเริ่มเห็นเมล็ดงอก ระยะห่างเมล็ดข้าวออกสม่ำเสมอ เป็นแถว ง่ายต่อการกำจัดวัชพืชหรือพันธุ์ข้าวปลอมปน ผลผลิตใกล้เคียงกับการทำนาดำ ซึ่งเป็นผลดีต่อชาวนาที่ต้องการผลผลิตข้าวคุณภาพ โดยเฉพาะสมาชิกผู้ปลูกข้าวเมล็ดพันธุ์ของศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวกาฬสินธุ์


นายนิวาสบอกว่า การทำนาปรังปีนี้มีเพื่อนชาวนาหันมาทำนาหยอดเหมือนตนมากขึ้น โดยเครื่องหยอดที่นำมาติดตั้งรถไถนาเดินตามใช้ได้เฉพาะการทำนาหยอดแห้งเท่านั้น น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายง่าย ตนคิดค่าจ้างราคากันเอง ไร่ละ 250 บาท แต่หากรถไถนาเดินตามเป็นของเจ้าของนา และเจ้าของนาหยอดเอง คิดค่าเช่าเครื่องหยอดเพียงไร่ละ 150-200 บาทเท่านั้น


การทำนาหยอดแห้งด้วยเครื่องหยอดดังกล่าวจึงประหยัดทั้งเวลา ค่าจ้างแรงงาน เมล็ดพันธุ์ และรายจ่ายอื่นๆ กว่าการทำนาดำหลายเท่าตัว หากเปรียบเทียบเฉพาะในพื้นที่และเวลาเท่ากัน คือพื้นที่ 5 ไร่ทำนาหยอดใช้เวลา 3 ชั่วโมง

แต่หากใช้แรงงานคนถอนกล้าและปักในช่วงเวลา 3 ชั่วโมงเท่ากันดังกล่าว อาจจะต้องใช้แรงงานคนไม่ต่ำกว่า 50 คน ค่าใช้จ่ายเฉพาะค่าแรงคนละ 300 บาท จะต้องใช้เงินถึง 15,000 บาททีเดียว ขณะที่การใช้รถหยอดใช้แรงงานเพียง 1 คน ค่าจ้างเพียง 100-250 บาทเท่านั้น


กำลังโหลดความคิดเห็น