เชียงใหม่/เชียงราย - “ดอยธิเบศร์-ทายาทอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี” นำจิตอาสาฝ่าลมหนาวขึ้นดอย ขนทั้งผ้าห่ม-เสื้อกันหนาว ข้าวสารอาหารแห้งส่งถึงมือพี่น้องชาวเขา 15 หมู่บ้านทั้งเชียงใหม่และเชียงราย แถมตัดผมเด็ก-สอนครู มอบอุปกรณ์พร้อมสรรพ
ดร.ดอยธิเบศร์ ดัชนี ทายาทอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติ เจ้าของบ้านดำ พร้อมด้วยมูลนิธิแสงธรรม, มูลนิธิแสงแก้วโพธิญาณ, เจ้าหน้าที่ทหาร ร.17 พัน.3 ค่ายเม็งรายมหาราช พร้อมเครือข่ายช่างตัดผมสวีนนี่ท๊อด ตลอดจนผู้ประกอบการห้างร้านต่างๆ ร่วมโครงการห่มรักให้ใจอุ่น Season 9 ครั้งที่ 16 ระหว่างวันที่ 14-15 ธ.ค.ที่ผ่านมา
โดยนำขบวนช่างตัดผมจิตอาสาขึ้นไปตัดผมและสอนตัดผม มอบอุปกรณ์ตัดผมที่ได้รับการสนับสนุนจากร้านเดโกะ บิวตี้มาร์ท รวมถึงข้าวของบริจาคสู้ภัยหนาวให้กับโรงเรียนและชาวบ้าน 15 หมู่บ้านบนพื้นที่สูงของ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย-อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รวมกันราว 1,500 ครัวเรือน
ประกอบด้วย 1. บ้านห้วยเดื่อ 2. บ้านป่าตึง 3. บ้านผาหินลาดใน 4. บ้านผาหินลาดนอก 5. บ้านห้วยทรายขาว 6. บ้านห้วยทรายขาวน้ำตก 7. บ้านสิบหลังอาข่า 8. บ้านแม่ปูนหลวงเก่า 9. บ้านแม่ปูนหลวงใหม่ 10. บ้านสากุลา 11. บ้านอาบอลาชา 12. บ้านอาบอเน 13. บ้านขอม่วง 14. บ้านป่าหญ้าไทร 15. ร.ร.แม่ปูนหลวง
ดร.ดอยธิเบศร์เปิดเผยว่า โครงการเรามีจุดประสงค์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยไม่ว่าจะเป็นภัยหนาวหรือภัยพิบัติอื่นๆ โดยได้รับความร่วมมือจากพี่น้องทั้งประเทศ ปีนี้ก็ได้ทีมตัดผมจากเชียงใหม่ น้องๆ จากมูลนิธิแสงธรรม มูลนิธิแสงแก้วโพธิญาณ ได้ข้าวสารจากพระอาจารย์พบโชค ครูบาน้อยที่ดูแลเรื่องอาหารให้พวกเรา
“ที่เราเห็นคือน้ำใจจากคนไทยที่มอบน้ำใจมาจากทุกที่ จริงๆ ภัยหนาวเป็นภัยเงียบที่คนในเมืองไม่เคยสัมผัส มีคนเสียชีวิตไปหลายสิบคนแล้ว ซึ่งพวกเราอยากให้สิ่งที่ทุกคนส่งมาทั้งผ้าห่มทั้งอาหาร ถึงมือพี่น้องชาวบ้าน จึงดำเนินโครงการนี้มาอย่างต่อเนื่อง เพราะถ้าให้พี่น้องชาวบ้านออกไปรับ บางพื้นที่ต้องใช้เวลาเดินกันเป็นวันทีเดียว”
สำหรับโครงการ ห่มรักให้ใจอุ่น มีเป้าหมายช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยในถิ่นทุรกันดาร โดยลงพื้นที่สำรวจเก็บข้อมูลร่วมกับชุมชน อบต. เทศบาล ว่ามีจุดไหนที่ยังขาดแคลน อะไรคือสิ่งจำเป็นเร่งด่วน จากนั้นก็จะรวบรวมของบริจาค เสื้อผ้าเครื่องกันหนาว อาหาร ยารักษาโรค วัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างระบบน้ำ จัดหาอุปกรณ์การเรียน ทุนทรัพย์ รวมไปถึงอุปกรณ์การช่วยเหลือเหตุฉุกเฉิน เช่น ไฟไหม้บ้าน ตลอดจนภัยพิบัติต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งทุกๆ ปีเส้นทางเข้าถึงหมู่บ้านชุมชนเป้าหมายล้วนเข้าพื้นที่ได้ยากลำบาก