“เปรมชัย” ถูกควบคุมตัวเข้าเรือนจำ ศาลฎีกาพิจารณาคำขอประกันตัวไม่ทันในวันนี้ หลังศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาเพิ่มโทษจำคุก
วันนี้ (12 ธ.ค.) ภายหลังจากศาลจังหวัดทองผาภูมิ กาญจนบุรี อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เพิ่มโทษนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมพวกรวม 4 คน ในคดีล่าเสือดำในป่าทุกใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก เมื่อเวลาประมาณ 13.30 น.นายเปรมชัย พร้อมพวก และทีมทนายความได้ดำเนินการตามขั้นตอนของการยื่นขอประกันตัวเพื่อสู้คดีในชั้นฎีกาต่อไป อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ศาลฎีกาพิจารณาคำร้องขอประกันตัวไม่ทันในวันนี้ ทำให้นายเปรมชัย กรรณสูต นายยง โดดเครือ และนายธานี ทุมมาศ ถูกเจ้าหน้าที่เรือนจำอำเภอทองผาภูมิควบคุมตัวขึ้นรถเรือนจำนำไปคุมขังยังเรือนจำทองผาภูมิ ในช่วงเวลา 17.51 น.ที่ผ่านมา และภายในพรุ่งนี้เวลาประมาณ 09.00 น. ทนายความของจำเลยทั้ง 3 จะยื่นเรื่องประกันตัวอีกครั้งหนึ่ง ในวงเงินคนละ 600,000 บาท ส่วนนางนที เรือนแสน จำเลยที่ 3 ศาลรอลงอาญา 2 ปี จึงไม่ต้องยื่นประตัว
สำหรับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันนี้ ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วมีคำพิพากษา แก้เป็นว่า จำเลยทั้ง 4 ประกอบด้วย นายเปรมชัย กรรณสูต นายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 นางนที เรียมแสน จำเลยที่ 3 นายธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4 มีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14, 31 วรรคหนึ่ง พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 19 วรรคหนึ่ง 47, 55 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 จำเลยที่ 1, 2 และ 4 มีความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 16, 36, 47, 53 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิวรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ความผิดฐานร่วมกันพาอาวุธปืนและความผิดฐานร่วมกันพาอาวุธมีดเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน แต่ให้ลงโทษฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตเพียงฐานเดียว
จำเลยที่ 2 และ 4 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 และจำเลยที่ 4 มีความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 36, 53 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 80 การกระทำของจำเลยทั้ง 4 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานร่วมกันทำให้เสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ จำคุกจำเลยทั้ง 4 คนละ 1 ปี
และปรับจำเลยที่ 3 เป็นเงิน 20,000 บาท ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกจำเลยทั้ง 4 คนละ 6 เดือน และปรับจำเลยที่ 3 เป็นเงิน 10,000 บาท ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (ไก่ฟ้าหลังเทา) โดยไม่ได้รับอนุญาต กับฐานร่วมกันรับไว้โดยประการใดซึ่งซากสัตว์ป่า (ไก่ฟ้าหลังเทา) อันได้มาโดยการกระทำความผิดเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครอง (ไก่ฟ้าหลังเทา) โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกจำเลยทั้ง 4 คน คนละ 2 เดือน และปรับจำเลยที่ 3 เป็นเงิน 10,000 บาท ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) กับความผิดฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 คนละ 1 ปี
เมื่อรวมกับโทษจำคุกคนละ 3 เดือน ของจำเลยที่ 2 และ 4 ในความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตโทษจำคุก 5 เดือนของจำเลยที่ 1, 2 และ 4 ในความผิดฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และโทษจำคุก 4 เดือนของจำเลยที่ 4 ในความผิดฐานพยายามล่าสัตว์ป่า (กระรอก) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี 14 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี 17 เดือน จำคุกจำเลยที่ 3 จำนวน 1 ปี 8 เดือน และปรับ 40,000 บาท และจำคุกจำเลยที่ 4 มีกำหนด 2 ปี 21 เดือน โทษจำคุกจำเลยที่ 3 ให้รอการลงโทษไว้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น กับให้จำเลยทั้ง 4 ร่วมกันชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดแก่ผู้ร้องนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น