กาญจนบุรี - หัวหน้าวิเชียร พอใจคำตัดสินเพิ่มโทษ “เปรมชัย” คดีล่าเสือดำ ถือเป็นการทวงคืนความยุติธรรมให้เสือดำ และทำให้มีกำลังใจในการทำงานเพิ่มมากขึ้น
ภายหลังจากศาลอุทธรณ์ภาค 7 มีคำพิพากษาเพิ่มโทษ คงจำคุก นายเปรมชัย กรรณสูต จำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี 14 เดือน จำคุก นายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี 17 เดือน จำคุก นางนที เรียมแสน จำเลยที่ 3 มีกำหนด 1 ปี 8 เดือน และปรับ 40,000 บาท จำคุก นายธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4 มีกำหนด 2 ปี 21 เดือน โทษจำคุกจำเลยที่ 3 ให้รอการลงโทษไว้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และชั้นอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามศาลชั้นต้นในเรื่องเงินค่าปรับจำเลยทั้ง 4 คนให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้กับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จำนวนเงินรวม 2 ล้านบาท
ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.219/2561 และคดีหมายเลขแดงที่ อ.63/2562 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดทองผาภูมิ (โจทก์) นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมพวกรวม 4 คน (จำเลย) เข้าไปลักลอบล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร พร้อมของกลางเป็นซากเสือดำ ไก่ฟ้าหลังเทา เก้ง พร้อมอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก เหตุเกิดวันที่ 4-6 ก.พ.61
วันนี้ (12 ธ.ค.) เวลาประมาณ 10.55 น. ว่าที่ร้อยตรีมิตร มูลสวัสดิ์ อัยการจังหวัดทองผาภูมิ ได้เดินลงมาจากศาลจังหวัดทองผาภูมิ โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ ขณะที่ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงรายละเอียดในคำพิพากษา แต่สุดท้ายก็พูดแต่เพียงว่า “ไม่ได้รับอนุญาตให้สัมภาษณ์ โดยอัยการส่วนกลางจะเป็นผู้แถลงเท่านั้น” ก่อนเดินกลับออกไปจากศาลทันที
ขณะที่ นายวิเชียร ซึ่งเดินไล่หลังกันลงมาจากศาล ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวเพียงสั้นๆ ว่า “น้อมรับคำพิพากษาของศาล และรู้สึกพอใจที่ศาลได้ตัดสินเพิ่มโทษ ซึ่งถือเป็นการทวงคืนความยุติธรรมให้กับเสือดำ และทำให้มีกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป” ก่อนจะเดินฝ่าวงล้อมของผู้สื่อข่าวออกไปทันทีเช่นกัน
โดยล่าสุดเวลา 13.30 น. นายเปรมชัย พร้อมพวก และทีมทนายความ ทั้งหมดยังคงอยู่บนศาล คาดว่าอยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนของการยื่นขอประกันตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วมีคำพิพากษา แก้เป็นว่า จำเลยทั้ง 4 มีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14, 31 วรรคหนึ่ง พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 19 วรรคหนึ่ง 47, 55 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 จำเลยที่ 1, 2 และ 4 มีความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 16, 36, 47, 53 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิวรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ความผิดฐานร่วมกันพาอาวุธปืนและความผิดฐานร่วมกันพาอาวุธมีดเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน แต่ให้ลงโทษฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตเพียงฐานเดียว
จำเลยที่ 2 และ 4 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 และจำเลยที่ 4 มีความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 36, 53 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 80 การกระทำของจำเลยทั้ง 4 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานร่วมกันทำให้เสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ จำคุกจำเลยทั้ง 4 คนละ 1 ปี
และปรับจำเลยที่ 3 เป็นเงิน 20,000 บาท ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกจำเลยทั้ง 4 คนละ 6 เดือน และปรับจำเลยที่ 3 เป็นเงิน 10,000 บาท ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (ไก่ฟ้าหลังเทา) โดยไม่ได้รับอนุญาต กับฐานร่วมกันรับไว้โดยประการใดซึ่งซากสัตว์ป่า (ไก่ฟ้าหลังเทา) อันได้มาโดยการกระทำความผิดเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครอง (ไก่ฟ้าหลังเทา) โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกจำเลยทั้ง 4 คน คนละ 2 เดือน และปรับจำเลยที่ 3 เป็นเงิน 10,000 บาท ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) กับความผิดฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 คนละ 1 ปี
เมื่อรวมกับโทษจำคุกคนละ 3 เดือน ของจำเลยที่ 2 และ 4 ในความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตโทษจำคุก 5 เดือนของจำเลยที่ 1, 2 และ 4 ในความผิดฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และโทษจำคุก 4 เดือนของจำเลยที่ 4 ในความผิดฐานพยายามล่าสัตว์ป่า (กระรอก) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี 14 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี 17 เดือน จำคุกจำเลยที่ 3 จำนวน 1 ปี 8 เดือน และปรับ 40,000 บาท และจำคุกจำเลยที่ 4 มีกำหนด 2 ปี 21 เดือน โทษจำคุกจำเลยที่ 3 ให้รอการลงโทษไว้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น กับให้จำเลยทั้ง 4 ร่วมกันชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดแก่ผู้ร้องนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น