xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป)โดนอีก ! “บ้านสุขาวดี” ถูกปิดหมายเพิ่มอีก 2 อาคาร พบก่อสร้างไม่ได้รับอนุญาต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวศรีราชา - โดนอีก!“บ้านสุขาวดี” ถูกปิดหมายเพิ่มอีก 2 อาคาร หลังพบก่อสร้างไม่ได้รับอนุญาต ซ้ำแนวอาคารบางส่วนล้ำเขตที่ดินสาธารณะ ส่วนปัญหาอาคารขนาดใหญ่รุกที่สาธารณะ 11 ไร่ ยังดิ้นขออุทธรณ์อ้าง เมืองพัทยา ออกคำสั่งมิชอบ

จากกรณีที่ นายสุธรรม เพ็ชรเกตุ รองปลัดเมืองพัทยา รักษาราชการแทนปลัดเมืองพัทยา ได้นำสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอบางละมุง ,เจ้าหน้าที่สำนักการช่างเมืองพัทยา ,เจ้าหน้าที่เทศกิจ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางละมุง ลงพื้นที่บริเวณริมทะเลด้านหลัง “บ้านสุขาวดี” เพื่อติดป้ายประกาศเมืองพัทยาขนาดใหญ่ ระบุว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่สาธารณะประโยชน์ ผู้ใดบุกรุกหรือครอบครอง เป็นการกระทำความผิดฐานเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของรัฐ ตามมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497


ต้องระวางโทษตามที่ประมวลกฎหมายที่ดินที่กำหนดไว้ และขอให้ดำเนินการรื้อถอนอาคารที่ปลูกสร้างบนที่สาธารณะ และปิดหมายคำสั่ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคารจำนวน 3 อาคาร ประกอบด้วย 1.อาคาร A เวทีการแสดงที่มีการก่อสร้างในพื้นที่สาธารณะ ที่ออกคำสั่งหมายแบบ ค.3 เพื่อระงับการก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเคลื่อนย้ายอาคาร หมายแบบ ค.4 ที่ห้ามมิให้บุคคลใดใช้อาคารหลังดังกล่าว

และหมายแบบ ค.7 หรือหมายคำสั่งรื้อถอนอาคารตามมาตรา 42 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 กรณีก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเคลื่อน ย้ายอาคาร กระทำการโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องได้

นอกจากนั้น เมืองพัทยา ยังได้แจ้งความเอาผิดบริษัท เฮลท์ฟู้ด อินเตอร์เนชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด เพื่อให้รื้อถอนอาคารโครงเหล็ก 1 ชั้น ขนาด 18.30 คูณ 55.30 เมตร จำนวน 1 หลัง ที่ใช้เป็นเวทีห้องครัวขนาดใหญ่ และป้ายขนาด 7 คูณ 9 เมตร จำนวน 2 ป้าย

และ 2.อาคาร B ได้แก่อาคารโรงอาหารบริเวณที่ติดกับทางเดินสาธารณะติดทะเล ซึ่งมีการก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตและก่อสร้างอยู่ในแนวร่น 20 เมตรจากระดับน้ำทะเลสูงสุด

3.ให้รื้อถอนอาคาร C ขนาด 5คูณ 15 เมตร ภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ 7 พ.ย. 2562 ซึ่งระหว่างการออกคำสั่งระงับการใช้อาคารยังมีการตรวจพบว่ายังมีการใช้อาคารในพื้นที่ดังกล่าวจัดกิจกรรมอยู่อย่างต่อเนื่อง จึงมอบหมายให้นิติกรทำการรวบรวมหลักฐานเพื่อแจ้งความดำเนินคดีตามลำดับนั้น

ล่าสุดเจ้าหน้าที่จากสำนักการช่างเมืองพัทยา และเจ้าหน้าที่เทศกิจ ได้นำอุปกรณ์และเครื่องมือพร้อมหมายคำสั่งที่ลงนามโดย นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ปิดประกาศคำสั่งตามความผิดของ พ.ร.บ.ควบคุมอาคารเพิ่มเติมอีก 2 อาคาร ประกอบด้วย อาคาร ค.ส.ล.ขนาด 5 ชั้น ในพื้นที่ประมาณ 193 คูณ 220 เมตร และปิดเหมายตามคำสั่ง ค.3 เพื่อให้ระงับการก่อสร้าง ดัดแปลง ,ค.4 เพื่อห้ามใช้อาคารหรือยินยอมให้บุคคลใช้อาคารที่อาจเป็นอันตราย

และ ค.10 เพื่อให้ดำเนินการยื่นคำร้องขอรับใบอนุญาตก่อสร้าง ดัดแปลง หรือรื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายอาคาร โดยระบุว่ามีอาคารบางส่วนกินเข้ามาในพื้นที่ดินสาธารณะริมทะเล

ขณะที่ตามกฎหมายควบคุมอาคารแล้วอาคารขนาดใหญ่ จะต้องมีการกันแนวเขตจากขอบที่ดินเข้าไปโดยรอบในระยะ 6 เมตร พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ได้ขึงแผ่นผ้ากันแนวเขตไว้หลักฐาน

ส่วนอีก 1 อาคาร เป็นอาคาร ค.ส.ล.สูง 5 ชั้น ขนาด 35 คุณ 92 เมตร ตามคำสั่ง ค.3,ค.4 และ ค.9 เพื่อให้ยื่นคำร้องขอรับใบอนุญาตก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอนหรือเคลื่อนย้ายอาคาร โดยทำการปิดประกาศไว้ พร้อมขึงแผ่นผ้าพลาสติกแสดงสัญลักษณ์ไว้เพื่อเป็นหลักฐาน

นายเกียรติศักดิ์ คงเขียว นายตรวจเขต สำนักการช่างเมืองพัทยาเผยว่า ขณะนี้เมืองพัทยา โดยนายกเมืองพัทยา ได้ออกคำสั่งตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร เพื่อปิดหมายเพิ่มอีก 2 อาคาร คืออาคารที่หันหน้าเข้าทะเลหรือมีลักษณะเป็นร้านอาหารรองรับนักท่องเที่ยว เนื่องจากเมื่อทำการตรวจสอบระวางพบว่า มีบางส่วนที่มีแนวเข้าไปในพื้นที่ดินสาธารณะและก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต

ทั้งนี้อาคารมีขนาดใหญ่ จึงจำเป็นต้องกันแนวเขตโดยรอบของอาคารในระยะ 6 เมตร ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายที่มีไว้ในกรณีฉุกเฉิน อาทิ เพลิงไหม้ จึงได้แจ้งให้แก้ไขและยื่นแบบคำร้องใบขออนุญาตก่อสร้าง

“ส่วนอีกอาคารที่ปิดหมายนั้น พบว่าดำเนินการอยู่ในเอกสารสิทธิ์ครอบครองถูกต้อง แต่ตัวอาคารยังไม่ได้ขอรับอนุญาตจากเมืองพัทยา จึงได้ปิดหมายคำสั่งเพื่อ ให้เจ้าของอาคารยื่นคำร้องขอรับใบอนุญาตก่อสร้างอย่างเป็นรูปธรรม”

นายเกียรติศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่ากรณีของอาคารขนาดใหญ่จำนวน 3 อาคารที่เมืองพัทยา ดำเนินการไปก่อนหน้านี้ตรวจสอบพบว่ามีการปลูกสร้างบนที่ดินสาธารณะขนาด 11 ไร่ และเมืองพัทยาได้ดำเนินการตามขั้นตอนจนครบตามขบวนการแล้ว ทั้งคำสั่งห้ามใช้ ดัดแปลง และรื้อถอน


แต่ปัจจุบันก็ยังพบว่า “บ้านสุขาวดี” ได้ส่งหนังสือขออุทธรณ์คำสั่งมายังเมืองพัทยา ระบุว่าคำสั่งนี้เป็นคำสั่งที่ออกมาโดยมิชอบและแจ้งว่าเป็นที่ดินงอกตามธรรมชาติที่ครอบครองมานานกว่า 20 ปีแล้ว ซึ่งกรณีนี้ เมืองพัทยา ได้จัดส่งหนังสือดังกล่าวไปยังคณะกรรมการพิจารณาการอุทธรณ์ระดับจังหวัดชลบุรี ก่อนจะนำผลการพิจารณามาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

“อย่างไรก็ตามทุกขั้นตอนดำเนินการเป็นไปอย่างเป็นธรรม และมีการตรวจสอบและเอกสารที่ชัดเจน ซึ่งผู้เสียหายสามารถตรวจสอบได้”นายเกียรติศักดิ์ กล่าว














กำลังโหลดความคิดเห็น