ศรีสะเกษ - ตำรวจ สภ.ขุขันธ์ ศรีสะเกษ รวบหนุ่มนครปฐมโพสต์หลอกขายธนบัตรเก่าให้ครูสาวใหญ่ศรีสะเกษทางออนไลน์ หลังจากรับเงินที่โอนไปแล้วปิดเฟซฯ หนีแต่ไปไม่รอด ด้านครูสาวใหญ่ต้องการให้เป็นอุทาหรณ์คนชอบชอปปิ้งออนไลน์
วันนี้ (10 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สภ.ขุขันธ์ อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ร.ต.อ.ฐปกร ครุฑสุวรรณ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ขุขันธ์ ได้นำตัว นายนัฐวัฒน์ ปานเอม อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61/11 หมู่ 13 ต.ไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม ปัจจุบันพักอาศัยอยู่ที่ 80/60 หมู่ 16 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี มาทำการสอบสวน หลังจากที่นายนัฐวัฒน์ถูก พ.ต.ต.ปฏิธาณ โคกกลาง สว.สส.สภ.ขุขันธ์ และ พ.ต.ท.รุ่งศักดิ์ ไม้จันทร์ดี สว.สส.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปจับกุมตามหมายจับของศาล จ.ศรีสะเกษ ที่ จ 303/2562 ลงวันที่ 16 ต.ค. 2562 ในข้อหากระทำผิดฐานฉ้อโกง
โดยมี นางวิลาศิณี ตั้งเพียร อายุ 58 ปี อาชีพรับราชการครู ตำแหน่งครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนบ้านกันแตสระรุน อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ เป็นผู้แจ้งจับ
ทั้งนี้เนื่องจากว่าเมื่อวันที่ 21 พ.ค. 62 นางวิลาศิณีได้สั่งซื้อธนบัตรเก่าผ่านทางเฟซบุ๊กจากผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Nattha June” หรือ นายนัฐวัฒน์ ปานเอม อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61/11 หมู่ 13 ต.ไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม โดยตกลงซื้อในราคา 1,600 บาท และได้ทำการโอนเงินทางโทรศัพท์มือถือไปยังบัญชีเงินฝากของ นายนัฐวัฒน์ ปานเอม เมื่อนางวิลาศิณีทำการโอนเงินแล้วบัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าวได้ทำการบล็อกเฟซบุ๊กยกเลิกข้อความ ทำให้ติดต่อไม่ได้ และไม่ได้รับสิ่งของที่สั่งซื้อไป นางวิลาศิณีจึงได้มาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีผู้ต้องหาจนถึงที่สุด
จากการสอบสวน นายนัฐวัฒน์ ปานเอม ให้การรับสารภาพว่าได้ทำผิดตามที่ถูกกล่าวหาจริง และต่อมาได้มีญาติของนายนัฐวัฒน์มาพบพนักงานสอบสวน และได้เจรจากับนางวิลาศิณีเพื่อขอยอมความ โดยจะขอชดใช้เงินที่ได้โอนไปให้นายนัฐวัฒน์จำนวน 1,600 บาท โดยอ้างว่าผู้ต้องหามีครอบครัวและลูกที่จะต้องดูแล มีฐานะยากจน ทำให้นางวิลาศิณีมีความสงสารจึงได้ใจอ่อนยอมความไม่เอาเรื่อง
นางวิลาศิณีกล่าวว่า แม้ว่าเงินที่โอนไปให้นายนัฐวัฒน์จะเป็นเงินจำนวนไม่มากนักเพียง 1,600 บาท แต่หากว่ามีการหลอกลวงประชาชนทั่วไปให้โอนเงินไปให้หลายรายก็จะเป็นเงินจำนวนมาก ดังนั้น ตนต้องการให้คดีนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ที่ชอบสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ว่าควรที่จะตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องให้ดีที่สุดเพื่อป้องกันการหลอกลวง ตนใจอ่อนจึงได้ยอมความไม่เอาเรื่องนายนัฐวัฒน์ แต่มีข้อแม้ว่านายนัฐวัฒน์ จะต้องไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้บุคคลอื่นอีกต่อไป ซึ่งนายนัฐวัฒน์ได้รับปากในเรื่องนี้