xs
xsm
sm
md
lg

หวิดวุ่น!ญาติ-เพื่อนบ้านฮือปีนรั้วขอดูหน้าสาปแช่ง-ประชาทัณฑ์มือฆ่ายกครัว 3 ศพ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงราย – ญาติพี่น้องเพื่อนบ้านฮือปีนรั้ว-รุมสาปแช่งว่าที่ลูกเขยมือฆ่ายกครัวแฟนสาวคนใหม่กับพ่อ-แม่ ระหว่างตำรวจคุมตัวทำแผนฯ เรียกร้องให้ลงโทษประหารสถานเดียว เจ้าตัวอ้างอารมณ์โมโหชั่ววูบ-ถูกท้าทาย ก่อนคว้าปืนยิง 4 นัด 3 ศพ


ความคืบหน้ากรณีพ่อแม่ลูกถูกฆาตรกรรมยกครัว 3 ศพ คือ นายอุดม กิมสี อายุ 57 ปี พนักงานเทศบาล ต.บ้านดู่ ฝ่ายจัดเก็บรายได้ กองคลังของเทศบาลตำบลบ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย - นางณัชชา กิมสี อายุ 51 ปี ภรรยา และ น.ส.สวรส กิมสี หรือน้องแป้ง อายุ 29 ปี ซึ่งเป็นลูกสาว กระทั่งวานนี้(2 ธ.ค.)พบศพขึ้นอืดคาบ้านของผู้ตายเลขที่ 307 บ้านดู่ หมู่ 3 ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามหาตัวนายนวราธร คุณะแสงคำ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 122 หมู่ 2 ต.ป่าซาง อ.แม่จัน จ.เชียงราย ซึ่งเป็นแฟนหนุ่มของ น.ส.เสาวรส หลังจากขับรถยนต์หลบหนีไปเชียงใหม่ ก่อนนำตัวกลับมาสอบสวนที่ สภ.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย

สายวันนี้ (3 ธ.ค.) พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบก.ตร. , พล ต.ต.วันชัย สุวรรณศิริเขต รอง ผบช.ภ.5 , พล.ต.ต.ยุทธชัย พัวประเสริฐ ผบก.ภ.จว.เชียงราย , พ.ต.อ.สิทธิชัย ไกรแสง ผกก.สภ.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย นำเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 5 ลำปาง-ชุดคลี่คลายคดี สอบปากคำนายนวราธรผู้ต้องหาอย่างละเอียด

พร้อมตรวจหลักฐานรถยนต์ที่ใช้หลบหนีจากที่เกิดเหตุไปยัง จ.เชียงใหม่ อาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม.จำนวน 1 กระบอก ปลอกกระสุนปืนในที่เกิดเหตุจำนวน 4 ปลอก ภาพจากกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ รวมทั้งหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ยังได้เรียกสอบปากคำญาติของฝ่ายผู้เสียชีวิตและญาติของนายนวราธรไปแล้วหลายคน จนเจ้าหน้าที่สามารถสรุปผลการคลี่คลายคดีในเบื้องต้นได้


พล.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่าจากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาพบว่าไม่เคยต้องโทษในคดีใดๆ มาก่อน แต่เป็นคนอารมณ์ร้อน ชอบใช้อาวุธปืน ที่ผ่านมาทำงานเป็นคนรับแลกเปลี่ยนเงินตราทั้งในและต่างประเทศ เมื่อถูกจับกุมและสอบปากคำแล้วผู้ต้องหาก็ให้การรับสารภาพด้วยดีว่าได้ยิงบุคคลทั้ง 3 คนจนเสียชีวิตจริง

โดยผู้ต้องหาให้การว่าก่อนเกิดเหตุได้ออกไปเที่ยวกับ น.ส.สวรส ที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง กระทั่งดึกก็เดินทางกลับแล้วเกิดมีปากเสียงทะเลาะกัน เมื่อถึงบ้านก็เกิดอารมณ์โมโหชั่ววูบจึงใช้อาวุธปืนที่ซื้อจากร้านแห่งหนึ่งในเชียงรายมีทะเบียนถูกต้องยิง น.ส.สวรส จนเสียชีวิต จากนั้นก็หันไปยิงนายอุดมและนางณัชชาที่เป็นบิดามารดาของ น.ส.สวรส จนเสียชีวิตรวมยิงปืนไปทั้งหมด 4 นัด โดยบางคนถูกยิง 2 นัด ผู้ต้องหายังอ้างว่าทำไปเพราะไม่ทันยั้งคิดและอาวุธปืนเก็บไว้ในกล่องโดยไม่ได้ใส่ลูกกระสุน แต่เมื่อถูกท้าทายจึงห้ามอารมณ์ไม่ไหวจึงคว้ามายิงผู้ตาย

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะได้ตรวจสอบจากหลักฐานต่างๆ เช่น กระสุนปืน หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ฯลฯ มาประกอบกับหลักฐานตั้งแต่ภาพการออกไปท่องเที่ยว การใช้ยานพาหนะ การแต่งกายของบุคคลต่างๆ ว่าสอดคล้องกับคำให้การหรือไม่ ฯลฯ


“ตอนนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานดังกล่าวกับคำให้การของผู้ต้องหาและบุคคลที่เรียกสอบปากคำ เพื่อจะพิจารณาว่าจะสามารถขยายผลดำเนินคดีกับบุคคลอื่นอีกหรือไม่ โดยเฉพาะหลังก่อเหตุแล้วผู้ต้องหาได้ขับรถไปเชียงใหม่ โดยมีบุคคลไปด้วยมากกว่า 1 คน แต่ ณ ขณะนี้ก็ยังดำเนินคดีกับตัวนายนวราธรเพียงคนเดียวก่อน”

ต่อมาช่วงบ่าย เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายนวราธรขึ้นรถตู้ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บ้านที่เกิดเหตุ ท่ามกลางญาติพี่น้องเพื่อนฝูงของผู้เสียชีวิตพากันมารออยู่จำนวนมาก เมื่อเจ้าหน้าที่นำตัวนายนวราธรมาถึง แต่ละคนต่างพากันก่นด่าสาปแช่ง รวมทั้งพยายามขวางปาข้าวของใส่-ปีนรั้วเข้าไปในบ้านขอให้เจ้าหน้าที่นำผู้ต้องหาออกมาให้ดู จนเจ้าหน้าที่ต้องพยายามขอร้องกันอยู่นาน และเมื่อทำแผนเสร็จก็รีบนำตัวผู้ต้องหาขึ้นรถตู้ออกจากจุดเกิดเหตุทันที


นายประชัญ ราชเมืองแก้ว อายุ 71 ปี ที่มีศักดิ์เป็นอาของนางณัชชา กล่าวว่าไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับครอบครัวของนางณัชชา เพราะปกติก็ไม่เคยมีเรื่องราวกับใคร แต่เมื่อมาประสบกับเรื่องแบบพวกตนก็ขอให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม เพราะไม่รู้จะพูดอะไรได้อีก และยังไม่อยากเชื่อว่าจะเกิดขึ้นจริง

นางอัจฉรา เกียรติสุวรรณ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 129/3 ม.3 ต.บ้านดู่ ลูกผู้พี่นางณัชชา กล่าวว่าไม่อยากเชื่อว่าน้องสาวและครอบครัวจะถูกกระทำอย่างโหดเหี้ยมแบบนี้ เขาเป็นคนใจดีไม่เคยมีเรื่องมีราวกับใคร จึงอยากเรียกร้องให้ประหารคนก่อเหตุสถานเดียว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้เสียชีวิตทั้ง 3 รายนั้น หลังจากเจ้าหน้าที่ชันสูตรพลิกศพแล้ว ญาติได้นำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดดงหนองเป็ด ต.เวียง อ.เมืองเชียงราย และมีกำหนดจะจัดพิธีฌาปนกิจศพในวันพรุ่งนี้(4 ธ.ค.)
กำลังโหลดความคิดเห็น