พิจิตร - ส.จ.ผู้รับเหมาคนดังเมืองพิจิตร จ่อร้องถึง ป.ป.ช.-สตง.สอบแขวงทางหลวงฯ-อดีต ผอ. ฐานทุจริตหรือประพฤติมิชอบลามถึงฮั้วประมูล หลังตัดสิทธิรับงานทั้งที่เสนอราคาต่ำสุด-ยื่นฟ้องศาลปกครองฯจนมีคำสั่งออกมาแล้ว
ความคืบหน้ากรณีห้างหุ้นส่วนจำกัด พ.วิริยะก่อสร้าง โดยนายพิศ วิริยะอารีธรรม รองประธานสภา อบจ.พิจิตร ได้ให้นายสมชาย วทัญญูคุณากร ทนายความ ยื่นฟ้องกรมทางหลวงที่ 1 แขวงทางหลวงพิจิตรที่ 2 ผู้อำนวยการแขวงการทางพิจิตร ที่ 3 ต่อศาลปกครอง จ.พิษณุโลก เป็นคดีหมายเลขดำที่ 161/2559 คดีหมายเลขแดงที่ 86/2562
โดยบรรยายฟ้องใจความโดยย่อว่า อดีต ผอ.แขวงทางหลวงพิจิตร (เกษียณอายุราชการไปแล้ว) ได้ออกประกาศขายแบบประมูลงานรับเหมาโครงการก่อสร้างถนน 22 โครงการ เป็นเงิน 303 ล้านบาทเศษ ส่อเจตนากีดกันผู้รับจ้างรายอื่นโดยมีการกำหนดคุณสมบัติของผู้รับเหมาไม่ชอบธรรมและขัดต่อกฎหมาย ซึ่งในการประกวดราคาคราวนั้น ห้างหุ้นส่วนจำกัด พ.วิริยะก่อสร้าง ได้ซื้อแบบ-ยื่นประมูลงาน 4 โครงการ และได้เสนอราคาต่ำกว่าราคากลาง 13-17 เปอร์เซ็นต์ แต่ปรากฏว่าแขวงทางหลวงพิจิตรกลับตัดสิทธิ หจก.พ.วิริยะก่อสร้าง โดยอ้างว่าขาดคุณสมบัติ แล้วเรียกผู้รับเหมารายอื่นที่เสนอราคาต่ำกว่าราคากลางไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ และราคาสูงกว่า หจก.พ.วิริยะก่อสร้าง มาเป็นผู้ทำสัญญาและได้งานไปทำ
กรณีดังกล่าวถือว่าเป็นพฤติกรรมที่มิชอบด้วยกฎหมาย จึงได้ให้ทนายความดำเนินการฟ้องศาลปกครองพิษณุโลก ตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนกันยายน 2559 ซึ่งศาลปกครองพิษณุโลกได้มีคำสั่งรับคำฟ้องและดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล โดยมีการเรียกเอกสารและสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
กระทั่ง 6 ก.ย. 62 ศาลปกครองพิษณุโลกได้อ่านคำพิพากษาตามที่ หจก.พ.วิริยะก่อสร้าง ผู้ฟ้องคดี ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอนการประกาศกรมทางหลวง โดยศาลปกครองพิษณุโลกได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอนประกาศของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 คือ กรมทางหลวง เรื่องการประกวดราคาจ้างโครงการยกระดับความปลอดภัยบริเวณทางแยกขนาดใหญ่ทางหลวงหมายเลข 11 ตอนเขาทราย-สากเหล็ก ด้วยวิธีการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) เลขที่ พจ.E-31/2560 ลงวันที่ 26 สิงหาคม 2559 เฉพาะในส่วนที่กำหนดเงื่อนไขคุณสมบัติของผู้มีสิทธิเสนอราคาตามข้อ 6 โดยศาลปกครองพิษณุโลกเห็นว่า เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้ให้มีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ออกประกาศดังกล่าว คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
อย่างไรก็ตาม ในคดีปกครอง ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามยังมีสิทธิในการอุทธรณ์ เพื่อต่อสู้คดีต่อไปได้
นายสมชาย วทัญญูคุณากร ทนายความ หจก.พ.วิริยะก่อสร้าง บอกว่าจากคำพิพากษาของศาลปกครองพิษณุโลกดังกล่าวจะเห็นได้ว่าศาลได้วินิจฉัยอย่างชัดเจนว่าการใช้ดุลพินิจกำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิเสนอราคาจ้างงานหรือผู้รับเหมาในเส้นทางหมายเลข 11 ข้างต้นนั้น เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ถูกฟ้องคดี ดังนั้น หจก.พ.วิริยะก่อสร้าง ก็จะดำเนินการบังคับในส่วนคดีปกครอง เพื่อเพิกถอนกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับประกาศที่ถูกเพิกถอนทั้งหมด และจะดำเนินการเสนอพยานหลักฐานในส่วนนี้ โดยเฉพาะคำพิพากษาของศาลปกครองพิษณุโลก ซึ่งถือเป็นพยานหลักฐานที่สำคัญ และเอกสารต่างๆ ที่อยู่ในสำนวนคดีปกครอง ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อให้ดำเนินคดีทางอาญาฐานทุจริตหรือประพฤติมิชอบกับผู้ถูกฟ้องคดีในคดีปกครอง และเจ้าหน้าที่ทั้งหมด ที่มีส่วนในการกำหนดคุณสมบัติโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวต่อไป ทั้งอาจจะมีการพิจารณาร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีไปถึงในส่วนความผิดฐานฮั้วประมูลอีกส่วนหนึ่งด้วย
ด้านนายพิศ วิริยะอารีธรรม รองประธานสภา อบจ.พิจิตร ยังเปิดเผยอีกว่า นอกจากจะร้องเรียนและเสนอพยานหลักฐานสำคัญเพื่อดำเนินคดีอาญาต่อ ป.ป.ช.แล้ว หจก.พ.วิริยะก่อสร้างยังจะร้องเรียนไปยัง สตง.รวมถึงองค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการทุจริต เพื่อให้ตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นตัวการ หรือผู้สนับสนุน
“คงไม่มีแค่กรมทางหลวง, แขวงทางหลวงพิจิตร และอดีต ผอ.แขวงทางหลวงพิจิตร ในช่วงนั้นเท่านั้น เพราะกระบวนการกำหนดคุณสมบัติผู้รับเหมาที่ศาลปกครองได้พิพากษาว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เบื้องต้นจะต้องมีเจ้าหน้าที่พัสดุ เจ้าหน้าที่หรือนายช่างผู้ควบคุมงานเข้ามาเกี่ยวข้องในกระบวนการด้วย ซึ่งจะต้องดำเนินการสืบสวนตรวจสอบถึงการกระทำเพื่อดำเนินคดีต่อไป”