ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผบช.ทท.นำตำรวจท่องเที่ยวสนธิกำลังร่วม สภ.เมืองพัทยา บุกรวบ 3 ผู้ต้องหาใช้แบงก์ดอลลาร์สหรัฐปลอมหลอกแลกเงินจากร้านรับแลกเงินในเมืองพัทยา สร้างความเสียหายกว่า 1.2 ล้านบาท
เมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้ (24 พ.ย.) พล.ต.ท.เชษฐา โกมลวรรธนะ ผบช.ทท. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศราวุธ ตันกุล ผกก.2 บก.ทท.1 และ พ.ต.ท.ปิยะพงษ์ เอนสาร สารวัตรตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมแก๊งคนร้ายซึ่งใช้แบงก์ดอลลาร์สหรัฐ ปลอม ตระเวนหลอกแลกเงินในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี จนสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจในพื้นที่
ประกอบด้วย น.ส.ขวัญฤทัย จูตะกานนท์ อายุ 37 ปี นายสังวาล สุจันทร์ อายุ 51 ปี และ นายธนกฤต แพน้อย อายุ 55 ปี พร้อมของกลางธนบัตรสกุลดอลลาร์สหรัฐ ปลอม ชนิดราคา 100 ดอลลาร์ จำนวน 398 ใบ และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง
พล.ต.ท.เชษฐา กล่าวว่า การจับกุมดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา ได้รับแจ้งว่ามีคนไทย 2 คน นำธนบัตรสกุลดอลลาร์สหรัฐ ปลอม ฉบับละ 100 ดอลลาร์ จำนวน 398 ใบ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 1.2 ล้านบาท มาแลกที่ร้านแลกเงินของบริษัท ที ที เคอเรนซี่ เอ็กซ์เช้นท์ สาขาทวีทุนถาวร สำนักงานใหญ่ ถ.พัทยาสายสอง ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
จึงร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองพัทยา ลงพื้นที่หาข่าวจนรู้ตัวคนร้าย และสืบทราบว่า น.ส.ขวัญฤทัย และนายสังวาล 2ใน3 ผู้ต้องหากำลังจะพยายามหลบหนี จึงควบคุมตัวมาทำการสอบสวนและนำธนบัตรทั้งหมดมาตรวจสอบอย่างละเอียด โดยพบว่าธนบัตรทั้งหมดเป็นของปลอม
และจากการสอบถามผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ทราบว่า ได้เดินทางมาจากกรุงเทพมหานคร เพื่อนำธนบัตรสกุลดอลลาร์สหรัฐ ปลอมมาแลกเป็นเงินสกุลบาทไทยที่ตู้แลกเงินในเมืองพัทยา แต่เมื่อพนักงานร้านรับแลกเงินตรวจสอบ พบว่า เป็นของปลอมจึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุม
นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์ของผู้ต้องหาทั้ง 2 ยังพบการสนทนาผ่านแอปพลิเคชันไลน์ของทั้งคู่ว่ารับธนบัตรดังกล่าวมาจาก นายธนกฤต จึงรวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายจับ นายธนกฤต แพน้อย จนสามารถติดตามจับกุมตัวได้ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
นางคะนึงนาถ ฤทธิ์ลุน อายุ 37 ปี ผู้จัดการร้านแลกเงินเผยว่า การสังเกตธนบัตรปลอมทำได้ไม่ยาก โดยให้สังเกตจากผิวของธนบัตร เนื่องจากธนบัตรปลอมจะมีเนื้อผิวคอนข้างลื่นเมื่อเปรียบเทียบกับธนบัตรของจริง
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ถือว่าเป็นการหลอกแลกธนบัตรปลอมที่มีจำนวนมากกว่า 1 ล้านบาท ถือเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายมากที่สุดในรอบหลายปี
"จึงอยากฝากไปยังผู้ประกอบการร้านแลกเงิน ให้ช่วยกันระวังหากพบสิ่งผิดสังเกตให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ เพื่อเข้าจับกุมป้องกันการแพร่กระจายของธนบัตรที่สร้างความเสียหายต่อประเทศชาติ" นางคะนึงนาถ กล่าว