ระยอง- ผอ.สำนักทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 นำหน่วยงานเกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบร้านอาหารรุกป่าชายเลนริมถนนหน้าลานอนุสรณ์เรือหลวงประแส จ.ระยอง หลังชาวบ้านร้องเรียนพร้อมปิดคำสั่งให้หยุดกิจการภายใน 30 วัน
จากกรณีที่ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านในเขตเทศบาลตำบลปากน้ำประแส อ.แกลง จ.ระยอง ว่า สุดทนกับพฤติกรรมของคนเห็นแก่ได้บุกรุกพื้นที่ป่าชายเลนริมถนนหน้าลานอนุสรณ์เรือหลวงประแส ม.1 แหล่งท่องเที่ยวในเขตเทศบาลฯ โดยพบว่ามีการปลูกสร้างร้านอาหารตามสั่ง และร้านกาแฟรวมทั้งห้องสุขา ซึ่งถือเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรวมทั้งทำลายทัศนียภาพของป่าโกงกางและป่าแสม
ที่สำคัญที่ผ่านมาไม่เคยมีเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบ เข้ามาห้ามปรามหรือยับยั้งการบุกรุกทำลายป่าชายเลนจนทำให้เกิดการบุกรุกพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ซ้ำยังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการข้องเกี่ยวกับผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่บางคน และที่ผ่านมาแม้ชาวบ้านจะมีการเรียกร้องให้ทางจังหวัดตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น
ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ ( 18 พ.ย) นายภุชงค์ สฤษฎีชัยกุล ผู้อำนวยการ สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 พร้อมด้วย นายธีรัฒน์ ธีระวุฒิพันธ์, นายสกุล เขียนด้วง ศูนย์บริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลน จ.ระยอง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบร้านกาแฟ( BAANPLA) โดยพบ นายทรงกลด ศิริธรรม ที่รับเป็นผู้จัดการร้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำบันทึกให้เซ็นรับทราบคำสั่งเพื่อให้ระงับการกระทำหรือกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างร้ายแรง
หลังการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่ามีการปลูกสร้างอาคารเพื่อประกอบกิจการร้านอาหาร -กาแฟในพื้นที่ป่าชายเลน โดยมีท่อน้ำทิ้งปล่อยน้ำเสียออกสู่ป่าชายเลน และการก่อสร้างและประกอบกิจการยังไม่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการตามกฏหมาย
ขณะที่ นายทรงกลด ผู้จัดการร้านบ้านปลา ( BAANPLA) เผยว่าร้านแห่งนี้เปิดกิจการได้ประมาณ 3 เดือน ส่วนกรณีที่มีคำสั่งให้หยุดกิจการภายใน 30 วัน จะเร่งแจ้งให้เจ้าของร้านทราบเพื่อขอยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อไป
ด้าน นายภุชงค์ สฤษฎีชัยกุล ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 กล่าวว่าการปลูกสร้างร้านขายอาหารและกาแฟบริเวณพื้นที่ป่าชายเลน ถือเป็นการลงทุนผิดประเภท ผิดวัตถุประสงค์ที่จะเข้าอยู่อาศัย ซึ่งการนำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบในวันนี้ก็เพื่อตรวจสอบการบุกรุกตามที่มีประชาชนแจ้ง รวมทั้งจะต้องพิสูจน์สิทธิ์ในการปลูกสร้างร้านอาหารดังกล่าวว่าเป็นไปอย่างถูกต้องหรือไม่