xs
xsm
sm
md
lg

เกษตรกรราชบุรีหัวใส! ปลูกกล้วยหอมเขียว ต่างชาติสนใจเพียบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ราชบุรี - เกษตรกรเมืองราชบุรีใช้พื้นที่ 400 ไร่ ปลูกกล้วยหอมสายพันธุ์คาเวนดิส หรือกล้วยหอมเขียว เทคนิคจากการเพาะเนื้อเยื่อไปทดลองปลูกในสภาพภูมิอากาศที่พอเหมาะ ได้รสชาติไม่หวานมาก ต่างประเทศนิยมบริโภค และเสริมพลังให้นักกีฬา

ด้วยสภาพพื้นที่เป็นดินร่วนปนทรายผสมดินลูกรัง และสภาพอากาศที่เหมาะสมไม่หนาวมากนัก ทำให้กล้วยหอมสายพันธุ์คาเวนดิช หรือกล้วยหอมเขียว ที่ นายสิทธิเดช ศิริจินดาพันธ์ อายุ 59 ปี อยู่เลขที่ 89/9 ต.อ่างหิน อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี นำมาทดลองปลูกเป็นปีแรกในพื้นที่ประมาณ 400 ไร่ หลังจากที่พยายามศึกษาค้นคว้าพืชผัก ผลไม้หลายชนิดที่จะเลือกนำมาปลูกในพื้นที่ของตนเอง และยังนำระบบน้ำหยดเข้ามาช่วยเสริม เพิ่มเรื่องการดูแลใส่ปุ๋ย การตัดแต่งหน่อกล้วย ใบกล้วย และลูกกล้วย ซึ่งจะต้องนำพลาสติกมาคลุมผลไว้ไม่ให้มีสิ่งขีดข่วนผลกล้วย ซึ่งจะทำให้คุณภาพของผลผลิตออกมาดีตรงตามความต้องการของผู้บริโภค

นายสิทธิเดช ศิริจินดาพันธ์ เปิดเผยเทคนิคการปลูกกล้วยหอมสายพันธุ์คาเวนดิช ว่า กล้วยหอมชนิดนี้มีลักษณะเด่น คือ ไม่ค่อยหวานมาก ปลูกกันในต่างประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ ทั่วโลกส่วนใหญ่จะรับประทานกัน จึงสนใจนำพันธุ์มาทดลองปลูกเป็นปีแรก หลังจากที่ได้ไปศึกษาค้นคว้าหาความรู้มาแล้ว ทำให้ผลผลิตค่อนข้างดี ชาวจีนให้ความสนใจสินค้าพร้อมกับเดินทางมาดูพื้นที่การปลูก

โชคดีที่ได้มีการซื้อขายระหว่างกันในปีแรก เนื่องจากมีการปลูกแต่ละแปลงมากพอสมควร ในการบรรจุตู้คอนเทนเนอร์ที่จะแช่เย็นส่งออกไปต่างประเทศ การปลูกไม่ยากอยู่ที่การดูแลใส่ใจ และจะต้องมีน้ำหล่อเลี้ยง สิ่งที่กล้วยสายพันธุ์นี้ไม่ชอบคือ เรื่องสภาพอากาศที่ไม่หนาวเกินไปนัก สำหรับภาคกลางมีส่วนดี เพราะไม่ค่อยพบเจออากาศเหมือนกับทางภาคเหนือ จึงทำให้กล้วยมีคุณภาพดี

สำหรับกล้วยที่ปลูกจะนำมาจากการเพาะเนื้อเยื่อประมาณ 2 เดือน หลังจากนั้นนำมาปลูก หากมีการดูแล ใส่ปุ๋ยบำรุงดี ก็จะได้กล้วยออกมาแต่ละเครือประมาณ 7-8 หวี เครือหนึ่งให้ผลผลิตประมาณ 25 กิโลกรัม หากขายได้กิโลละ 10 บาท จะประมาณเครือละ 250 บาท ไร่หนึ่งปลูกประมาณกว่า 300 ต้น ขึ้นอยู่กับสภาพของดินแต่ละพื้นที่ ที่ต้นจะมีการเขียนเลขกำกับไว้

เนื่องจากจะนำมาปลูกแต่ละรุ่นไม่เท่ากัน เวลาตัดกล้วยก็จะได้ไม่เกิดการผิดพลาด วันไหนที่เริ่มออกปลีก็จะเขียนเลขไว้ที่ต้นกล้วยตั้งแต่ 1-13 และได้เริ่มตัดต้นที่เขียนเบอร์ 1 ก่อนเรื่อยขึ้นไปเมื่อได้อายุพอเหมาะ หากเกินเวลาลูกกล้วยจะเกิดความเสียหายลูกแตกระเบิดได้ ซึ่งจะอยู่ในช่วงประมาณ 75 วัน หลังจากที่แทงปลีกล้วยออกมาก็จะได้ผลผลิตดี อีกทั้งต่างประเทศจะชอบรับประทานลูกขนาดพอดี เรียว ไม่ใหญ่

ขณะนี้นักกีฬาที่ไปแข่งขันต่างประเทศก็ได้ให้รับประทานกล้วยหอมชนิดนี้ เพราะรับประทานแล้วจะไม่เกิดอาการจุก มีประโยชน์ต่อร่างกาย สร้างกล้ามเนื้อทำให้ไม่รู้สึกปวดเมื่อย มีพลัง ซึ่งจะแตกต่างจากกล้วยหอมทองของประเทศไทยที่สามารถสุกเองตามธรรมชาติแต่อยู่ได้ไม่กี่วัน ผิดจากกล้วยหอมชนิดนี้ที่จะอยู่ทนนาน หลังจากบรรจุใส่กล่องนำใส่ห้องเย็นไปต่างประเทศจะอยู่ได้ประมาณ 15-20 วัน

นายสิทธิเดช ศิริจินดาพันธ์ กล่าวอีกว่า หากคิดทำเป็นลักษณะเกษตรแปลงใหญ่จะต้องรวมเกษตรกรหลายรายในการปลูก แต่บังเอิญโชคดีมีที่แปลงเดียวและทดลองปลูกเป็นแปลงใหญ่ การคมนาคมสะดวก ทำให้กล้วยหอมไม่บอบช้ำ เวลาตัดกล้วยบรรทุกใส่รถ ก็จะต้องมีฟูกกั้นรองรับผลกล้วยไม่ให้บอบช้ำ

จากนั้นนำแขวน ใช้มีดตัดออกจากเครือเป็นหวี แล้วนำไปล้างน้ำทำความสะอาด เอายางออกแล้วจึงนำชั่งกิโล แพกใส่ลังเข้าตู้คอนเทนเนอร์ ต่างประเทศจะค่อนข้างพิถีพิถันในการเลือกซื้อมาก หากผิวสวยดีราคาก็จะดีตามไปด้วย เวลากล้วยเริ่มเป็นลูกเรียวก็จะต้องคอยปลิดเกสรทิ้งก็จะมียางกล้วยไหลออกมา จึงต้องนำกระดาษทิชชูไปดูดซับยางไม่ให้ไหลลงไปเลอะผลกล้วย เพื่อให้เกิดความสวยงาม

กล้วยหอมสายพันธุ์คาเวนดิช หรือกล้วยหอมเขียว ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการปลูกผลไม้ ที่ได้ผลผลิตดีตรงกับความต้องการของต่างประเทศ ที่สำคัญมีการปลูกหลายรุ่นไม่ขาดช่วง และยังส่งขายได้ตลอดทั้งปี ขณะที่สมาคมกีฬาฟุตบอลไทยก็เริ่มเข้ามาติดต่อ เพื่อนำไปให้นักกีฬาฟุตบอล เพื่อรับประทานเป็นอาหารเสริมเพิ่มพลัง

หากเกษตรกรที่มีความสนใจอยากศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการปลูกกล้วยหอมสายพันธุ์นี้ ก็ยินดีให้คำแนะนำ และได้มีการประสานกับคนในท้องถิ่นเพื่อเปิดเป็นศูนย์เรียนการปลูกกล้วยหอมให้แก่ชุมชนในอนาคตด้วย




กำลังโหลดความคิดเห็น