กรมศุลกากร เตรียมผลักดันขยะพลาสติก-อิเล็กทรอนิกส์ ออกนอกประเทศอีก 600 ตู้คอนเทนเนอร์ หรือกว่า 1.2 หมื่นตัน หลังพ้นกำหนด 45 วันที่ขนของออก ส่วนอีก 657 ตู้อยู่ในช่วงขยายเวลาอีก 15 วัน
นายชัยยุทธ คำคุณ โฆกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ศุลกากรเตรียมดำเนินการผลักดันเศษพลาสติก และเศษอิเล็กทรอนิกส์ ออกนอกประเทศไทยปริมาณรวมกันไม่ต่ำกว่า 1.2 หมื่นตัน หรือประมาณ 600 ตู้คอนเทนเนอร์ เนื่องจากเข้านิยามของตกค้างทางศุลกากร (List F) โดยยังผู้นำเข้าไปไม่มาดำเนินการตามพิธีนำเข้าภายใน 30 วัน
โดยเมื่อพ้นเวลาที่กำหนดแล้ว กรมศุลกากรยังได้ขยายเวลาเพิ่มให้อีก 15 วัน โดยปัจจุบันได้ครบกำหนดแล้ว แต่ยังไม่มีผู้นำเข้ามาดำเนินการใดๆ อีก ดังนั้น สินค้าในตู้จึงกลายเป็นรายการที่เข้านิยามว่าเป็นสินค้าตกค้าง (List F) ซึ่งจะต้องถูกผลักดันออกนอกประเทศ ทั้งนี้ กรมศุลกากรจะแจ้งให้ตัวแทนผู้นำเข้าหรือบริษัทเดินเรือที่ได้รับนำเข้าสินค้าดังกล่าวได้รับทราบ เพื่อให้มาดำเนินการขนสินค้าทั้ง 600 ตู้ออกนอกประเทศไทยต่อไป
นายชัยยุทธ กล่าวเพิ่มเติมว่า ยังคงมีตู้คอนเทนเนอร์ที่นำเข้าเศษพลาสติก และเศษอิเล็กทรอนิกส์ อีก 675 ตู้ ซึ่งผู้นำเข้าไม่มาดำเนินตามพิธีการนำเข้าภายใน 30 วัน โดยสินค้ากลุ่มนี้จะเรียกว่า List A โดยเจ้าหน้าที่ศุลกากรท่าเรืองกำลังอยู่ในระหว่างการแจ้งตัวแทนหรือบริษัทเดินเรือที่ได้ขนสินค้าดังกล่าวให้มาดำเนินการยื่นเอกสารเพื่อขนสินค้าออกจากท่าเรือภายใน 15 วัน แต่หากล่วงเลยเวลาดังกล่าวนี้แล้ว ตู้คอนเทนเนอร์ทั้ง 675 ตู้จะต้องถูกผลักดันออกจากประเทศด้วยเช่นเดียวกัน
ปัจจุบันมีตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรจุเป็นเศษพลาสติก และเศษอิเล็กทรอนิกส์ นำเข้าและอยู่ในอารักขาของกรมศุลกากร เนื่องจากผู้นำเข้าอยู่ระหว่างเตรียมดำเนินการตามพิธีการศุลกากร เพื่อการนำเข้าสินค้ารวม 2,185 ตู้ โดยแบ่งเป็นตู้คอนเทนเนอร์ที่นำเข้าเศษพลาสติก 2,100 ตู้ และอีก 85 ตู้คอนเทนเนอร์นั้นจะบรรจุเศษอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาในไทย
สำหรับความคืบหน้าในการผล้กดันตู้คอนเทนเนอร์ที่นำขยะพลาสนิต และขยะอิเล็กทรอนิกส์ เข้ามานั้น โฆษกกรมศุลกากร กล่าวว่า จากข้อมูลเมื่อถึงวันที่ 20 กรกฎาคมนี้ กรมศุลกากรได้ผลักดันตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวออกจากประเทศไทยแล้วรวม 54 ตู้ ซึ่งตู้คอนเทนเนอร์ส่วนใหญ่มาจากสหรัฐฯ ฮ่องกง และสิงคโปร์ เป็นต้น ทั้งนี้ ข้อมูลสถิติปริมาณการนำเข้าเศษพลาสติกเมื่อปี 60 จะมีทั้งสิ้น 1.66 แสนตัน และเมื่อนับรวมนับตั้งแต่ ม.ค.-พ.ค. 61 จะมีปริมาณนำเข้ารวม 3.13 แสนตัน
