กาญจนบุรี - ผอ.เขื่อนวชิราลงกรณ ขอประชาชนเชื่อมั่นตัวเขื่อน ถึงแม้ปริมาณน้ำมากแต่ไม่ส่งผลกระทบต่อความแข็งแรง เผยวันนี้เริ่มปล่อยน้ำจาก 28 เป็น 31 ล้าน ลบ.ม.แล้ว แนะติดตามข้อมูลทางกล้อง CCTV ตลอด 24 ชั่วโมง
วันนี้ (1 ส.ค.) นายไววิทย์ แสงพานิชย์ ผู้อำนวยการเขื่อนวชิราลงกรณ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เปิดเผยข้อมูลสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ ซึ่งมีความจุอ่าง 8,860 ล้านลูกบาศก์เมตร ที่ระดับ 155 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.)
โดยข้อมูล ณ วันที่ 1 สิงหาคม 2561 เวลา 07.00 น. มีปริมาณน้ำในเขื่อน 7,242 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 82% โดย กฟผ.เขื่อนวชิราลงกรณ มีแผนการระบายน้ำ วันนี้ 1 สิงหาคม 2561 ระบายน้ำเฉลี่ย 31 ล้าน ล.บ.ม.ต่อวัน วันที่ 2 สิงหาคม 2561 ระบายน้ำเฉลี่ย 34 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน และวันที่ 3-5 สิงหาคม 2561 ระบายน้ำเฉลี่ย 36 ล้าน ล.บ.ม.ต่อวัน
สาเหตุที่ต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำ เนื่องจากมีปริมาณฝนตกเหนือเขื่อนมาก จึงจำเป็นต้องระบายน้ำเพื่อให้มีพื้นที่รับน้ำเพียงพอ ซึ่งอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ ยังสามารถรับน้ำได้อีก 1,618 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งทางเขื่อนวชิราลงกรณ รับทราบปัญหาผลกระทบของประชาชน และผู้ประกอบการทางด้านท้ายน้ำ และได้ติดตามสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา
แต่เนื่องจาก ณ เวลานี้มีปริมาณน้ำที่ไหลเข้าอ่างมากกว่าวันละ 100 ล้าน ลบ.ม. อย่างต่อเนื่อง จึงต้องมีการบริหารจัดการน้ำในอ่างให้อยู่ในเกณฑ์ที่สามารถควบคุมได้ และถ้าปริมาณน้ำฝนที่ไหลเข้าอ่างลดลงก็จะทำการลดการระบายน้ำลงเท่าที่จะทำได้
ทั้งนี้ กฟผ.เขื่อนวชิราลงกรณ มีการรายงานแผนการระบายน้ำให้หน่วยงานราชการในจังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดราชบุรี ทราบเป็นประจำทุกวันจันทร์ของสัปดาห์ หากมีข้อสงสัย หรือได้รับข่าวต่างๆ ที่ผิดปกติ โปรดสอบถามข้อเท็จจริงโดยตรง ที่ กฟผ.เขื่อนวชิราลงกรณ หมายเลข 0-2436-8739 หรือ 0-3459-9077 ต่อ 3110 , 3111 และติดตามเหตุการณ์ทางกล้อง CCTV ตลอด 24 ชั่วโมง ที่ http://www.vrk.egat.com หรือ Application EGAT Water
ด้านความมั่นคงแข็งแรงของเขื่อน เขื่อนวชิราลงกรณ มีการออกแบบและก่อสร้างตามมาตรฐานสากล โดยมีหน่วยงานด้านบำรุงรักษาเขื่อนทำการตรวจสอบเขื่อนเป็นประจำทุกวัน ทุกสัปดาห์ ทุกเดือน ทุกปี และโดยคณะกรรมการตรวจประเมินความปลอดภัยเขื่อนทุกๆ 2 ปี หรือเมื่อมีเหตุการณ์ที่จะส่งผลกระทบต่อตัวเขื่อน
เช่น ฝนตกหนัก ระดับน้ำในเขื่อนมากกว่า 80% หรือมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น ก็จะมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเขื่อนด้วยเครื่องมือวัดที่ติดตั้งไว้ภายในตัวเขื่อน และบริเวณใกล้เคียงทันที เพื่อรายงานและวิเคราะห์ผลทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น จึงขอให้ประชาชนมีความมั่นใจในความมั่นคงแข็งแรงของเขื่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ประกอบการรีสอร์ต ชาวเรือ ชาวแพที่ประกอบการให้บริการแก่นักท่องเที่ยวที่บริเวณ 2 ฟากฝั่งริมแม่น้ำแควน้อย เกือบตลอดทั้งสาย โดยเฉพาะในเขตพื้นที่อำเภอไทรโยค ได้ตั้งไลน์กลุ่มกันขึ้นมา เพื่อถ่ายภาพสถานการณ์น้ำในพื้นที่ของตนเองส่งเข้ามาในไลน์กลุ่ม
โดยในไลน์กลุ่มมีเจ้าหน้าที่เขื่อนวชิราลงกรณ คอยให้คำแนะนำ และแจ้งข้อมูลของมวลน้ำให้ผู้ประกอบการทราบตลอดเวลา ซึ่งพบว่า บางพื้นที่มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น บางพื้นที่น้ำลดลง เนื่องจากในแต่ละพื้นที่นั้นตลิ่งริมแม่น้ำแควน้อยสูงต่ำไม่เท่ากัน แต่สภาพน้ำส่วนใหญ่จะใส สีไม่ขุ่นเหมือนหลายวันที่ผ่านมา
จึงแสดงให้เห็นว่า ฝนที่ตกกลางผืนป่าใหญ่ เช่น ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม รวมทั้งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก เริ่มลดปริมาณลงแล้ว ซึ่งผู้ประกอบการทุกคนไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนก แต่ได้ตื่นตัว และช่วยกันเฝ้าระวัง พร้อมกับแจ้งให้สมาชิกทราบความเคลื่อนไหวของมวลน้ำ และสีของน้ำอยู่ตลอดเวลา
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในส่วนของเขื่อนแม่กลอง ต.ม่วงชุม อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ขณะนี้ได้ทำการระบายน้ำในปริมาณ 523 ลบ.ม./วินาที
