ตราด - กลุ่มประมงใน จ.ตราด และระยอง รวมตัวเรียกร้องรัฐบาลให้เร่งแก้ไขปัญหาการทำกิน และคัดค้านการลงสัตยาบัน C188 ชี้คือจุดจบการประมงไทย โดยชาวประมงจังหวัดระยอง เผยหากไม่ได้รับการแก้ไขพร้อมหยุดออกเรือทั่วประเทศ
วันนี้ (1 ส.ค. ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มประมงใน จ.ตราด และระยอง ได้รวมตัวเรียกร้องรัฐบาลให้เร่งแก้ไขปัญหาการทำกิน และคัดค้านการลงสัตยาบัน C188 ชี้นี่คือจุดจบการประมงไทย
โดย นายณรงค์ ชัยศิริ เลขาธิการสมาคมการประมง จ.ตราด พร้อมด้วย นายฐิติกร โลหะคุปต์ ประธานชมรมประมงอวนครอบแห่งประเทศไทย พร้อมชาวประมงกว่า 100 คน ได้เดินทางมาไปยื่นหนังสือต่อ นายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่นอกพื้นที่ จึงมอบให้ นายประธาน สุรกิจบวร รองผู้ว่าราชการ จ.ตราด นำตัวแทนชาวประมงเข้าร่วมประชุมที่ห้องพลอยแดง ศาลากลางจังหวัดตราด เพื่อชี้แจงถึงปัญหา ซึ่งเลขาธิการสมาคมประมง จ.ตราด ได้แจกแจง 7 ประการ คือ
1.การขาดแคลนแรงงาน จากการเข้มงวดของทางราชการ 2.การซื้อเรือคืน เพื่อต้องการลดจำนวนเรือประมงไทย แต่นโยบายดังกล่าวกลับล่าช้า จึงขอให้ดำเนินการโดยเร็ว 3.ขอให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานปรับปรุงแก้ไขกฎ ระเบียบให้เหมาะสมต่ออาชีพประมง ที่เป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพกับอาชีพอื่นๆ
4.การออกประกาศข้อบังคับการตรวจเรือตามที่ได้มีปรับปรุงแล้ว ขอให้ดำเนินการประกาศโดยเร็ว เพื่อให้ชาวประมงที่ทำถูกกฎหมายได้ออกทำประมง 5.ขอให้ทบทวนบทลงโทษที่รุนแรงเกินไปของ พ.ร.บ.ประมง พ.ศ.2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งการออกคำสั่งทางปกครองที่ไม่เป็นธรรม 6.กรณีปีโป้ : PIPO ที่มีหลายหน่วยงาน และมีการโยกย้ายสับเปลี่ยน ควรให้มีการทำงานแก้ปัญหาในแนวทางเดียวกัน และ 7.การติด VMS ทำให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จึงขอให้มีการแก้ไข
และสุดท้าย เรื่องการที่รัฐบาลจะเดินทางไปให้สัตยาบันเพื่อรับอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 188 (C188) ถือเป็นการทำลายธุรกิจประมงให้แย่ลง จึงเรียกร้องไม่ให้รับสัตยาบันดังกล่าว เนื่องจากประเทศในเอเชียไม่มีประเทศใดเข้า เพราะจะทำให้เกิดปัญหากับธุรกิจประมงถึงขั้นล่มสลายได้จากบทบัญญัติที่กำหนดมาตรฐานต่างๆ เช่น กำหนดเพดานเรือให้มีความสูงไม่เกิน 2 เมตร และต้องมีห้องน้ำสำหรับลูกเรือ 4 คนต่อ 1 ห้องน้ำ มีที่นอนฟูกอย่างดี มีห้องกีฬา ห้องสมุด ห้องพักผ่อน ซึ่งกรณีเรือประมงอวนล้อมมีแรงงาน 40 คน ต้องมีห้องน้ำถึง 10 ห้อง เป็นต้น
และที่บริเวณหน้าที่ว่าการ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด นายภักดี ชนม์ทวี นายกสมาคมชาวประมงเรือดำล้อมจับรวมใจ และตัวแทนกลุ่มประมง อ.คลองใหญ่ พร้อมชาวประมงกว่า 400 คน ได้เดินทางเข้าพบ นายชัยวัฒน์ โอชนานนท์ นายอำเภอคลองใหญ่ เพื่อยื่นหนังสือผ่านไปยังนายกรัฐมนตรี เรียกร้องข้อเสนอ 7 ประการ เช่นเดียวกับที่สมาคมการประมง จ.ตราด ได้ยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดตราด และคัดค้านการที่รัฐบาลจะไปให้สัตยาบันเพื่อรับอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 188 (C188) ว่าด้วยการทำงานภาคการประมง พ.ศ.2550
5 สมาคมประมงระยอง พร้อมหยุดออกเรือ
ส่วนที่ จ.ระยอง นายอภินัทธ์ รัตนพรวารีสกุล รองนายกสมาคมประมงระยอง พร้อมด้วย นายภาณุ ธนสาร นายกสมาคมชาวประมงปากน้ำประแสร์ นายอุศเรณ ทองนพคุณ รองนายกสมาคมประมงไดหมึกบ้านเพ และนายมานะ จันทรา ตัวแทนสมาคมประมงสุนทรภู่ ชูป้าย ชาวประมงจังหวัดระยอง ขอคัดค้านรัฐบาลจะไปให้สัตยาบันรับมอบสัญญา C 188 ที่หน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดระยอง ศาลากลางจังหวัดระยอง พร้อมยื่นหนังสือขอให้แก้ไขปัญหาประมง รวม 7 ข้อ ถึงนายกรัฐมนตรี ผ่าน นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง โดยมี นายยุทธพล องอาจอิทธิชัย ปลัดจังหวัดระยอง รับหนังสือแทน
นายอภินัทธ์ กล่าวว่า กลุ่มอาชีพประมงจังหวัดระยอง ประสบปัญหาความเดือดร้อนหนัก จึงเดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด รวม 2 ฉบับ ฉบับแรกคือ ปัญหาขาดแคลนแรงงาน มาตรการการนำเข้าแรงงาน ระบบเอ็มโอยูก็ไม่มีความคืบหน้า ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงาน ซึ่งกลุ่มประมงมีความต้องการแรงงาน จำนวน 50,000 คน
และเรื่องกฎระเบียบข้อบังคับกรมเจ้าท่า กฎหมายของกรมประมงขอให้ทบทวนแก้ไขกฎหมายพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 และแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนที่มีบทลงโทษที่รุนแรงเกินไป ขอให้แก้ไขปัญหาการแจ้งเข้าออกของแต่ละศูนย์ PIPO ไปในทิศทางเดียวกัน เรื่องการจ่ายค่าบริการรายเดือนของอุปกรณ์ VMS ในช่วงที่เรือจอด แต่ยังต้องเสียค่าใช้จ่าย และการซื้อเรือประมงคืน ขอให้รัฐเร่งดำเนินการโดยเร็ว
ส่วนฉบับที่ 2 เกี่ยวกับการคัดค้านที่รัฐบาลจะไปให้สัตยาบันเพื่อรับอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 188 ซึ่งพวกเรารับไม่ได้เพราะมีผลเสียมากกว่าผลดี หากภายใน 7 วัน ยังไม่ได้รับคำตอบ ชาวประมงทั้งจังหวัดระยองจะทำการหยุดออกเรือพร้อมกันทั่วประเทศ หากไม่มีความคืบหน้าอีกก็จะมีการยื่นหนังสือถวายฎีกาต่อไป