ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ พระราชทานถุงยังชีพให้ผู้ประสบอุทกภัยชาวสังขละบุรี

กาญจนบุรี - ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ พระราชทานถุงยังชีพ จำนวน 500 ชุด พร้อมยาพระราชทาน 500 กล่อง ให้ชาวตำบลไล่โว่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเยียวยาด้านจิตใจ สร้างขวัญและกำลังใจ ให้ผู้ประสบอุทกภัยและน้ำป่าไหลหลาก

วันนี้ (25 ก.ค.) ที่องค์การบริหารส่วนตำบลไล่โว่ ต.ไล่โว่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี นายวัลลภ ยุติธรรมดำรง รองเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เชิญถุงพระราชทานของศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี องค์ประธานมูลนิธิจุฬาภรณ์ จำนวน 500 ชุด และ ยาพระราชทาน 500 กล่อง มอบแก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยและน้ำป่าไหลหลาก พื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี

โดยมี นายบวรศักดิ์ วานิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวสำนึกในพระกรุณาธิคุณ มี พ.อ.พิเชษฐ์ หัสดีผง รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ เป็นผู้แทน ผู้บัญชาการกองกำลังสุรสีห์ นายปกรณ์ กรรณวัลลี นายอำเภอสังขละบุรี ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ เข้าร่วม และมีพสกนิกรชาว ต.ไล่โว่ ให้การต้อนรับ

ในการนี้ นายวัลลภ ยุติธรรมดำรง รองเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ได้เชิญพระดำรัสของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ที่ทรงห่วงใยประชาชนที่ประสบเหตุอุทกภัย พร้อมทั้งนำความห่วงใยและกำลังใจจาก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ที่ทรงติดตามการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบเหตุอุทกภัยจากอิทธิพลของพายุ “เซินติญ” ทำให้ฝนตกหนักในพื้นที่กาญจนบุรี ตั้งแต่วันที่ 19-20 ก.ค.61 สร้างความปลื้มปีติและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณแก่พสกนิกรเป็นล้นพ้น อย่างหาที่สุดมิได้

นายบวรศักดิ์ วานิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวรายงานว่า ในนาม ข้าราชการ และประชาชน ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เป็นล้นพ้น ที่ศาสตราจารย์ดอกเตอร์สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัคราชกุมารี โปรดเกล้าให้ท่านเป็นผู้เชิญถุงพระราชทานมอบแก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ในวันนี้

โดยมีประชาชน ที่ได้รับผลกระทบส่งผล 2 ตำบล 15 หมู่บ้านในพื้นที่หมู่ที่ 1 หมู่ที่ 2 หมู่ที่ 3 หมู่ที่ 4 หมู่ที่ 5 หมู่ที่ 6หมู่ที่ 7 หมู่ที่ 8 และหมู่ที่ 10 ตำบลหนองลู่ และหมู่ที่ 1 หมู่ที่ 2 หมู่ที่ 3 หมู่ที่ 4 หมู่ที่ 5 หมู่ที่ 6 ตำบลไล่โว่ ประชาชนได้รับผลกระทบจำนวน 1,130 ครัวเรือน วัด 4 แห่ง ถนน 2 สาย สถานที่ราชการ 7 แห่งพื้นที่ทางการเกษตรเสียหาย 300 ไร่