“ทนายตั้ม” โชว์เซอร์ไพรส์ หลักฐานแชทไลน์ แจ้งความดำเนินคดีครูปรีชา พร้อมทนายความ

กาญจนบุรี - “ทนายตั้ม” โชว์เซอร์ไพรส์ หลักฐานแชทไลน์ แจ้งความดำเนินคดีทั้งครูปรีชา พร้อมทนายความ ข้อหานำพยานหลักฐานเท็จมาเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาล ด้านทนายส่วนตัวครูปรีชา เผย สามารถแจ้งความได้เพราะเป็นสิทธิ

จากกรณีนายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา คู่กรณี ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ ที่ฟ้องกันไปมาเพื่อชิงเป็นเจ้าของสลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย.60 เลข 533726จำนวน 1 ชุด 5 ใบ เป็นเงินจำนวน 30 ล้านบาท

ล่าสาเวลา 17.00 น.วันนี้( 23 ก.ค.) หลังจากที่ศาลไต่สวนมูลฟ้องแล้วเสร็จโดยเริ่มมาตั้งแต่ช่วงเช้า โดยนายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา ก็ได้เดินออกมาจากศาลเป็นคนแรก และครั้งนี้ก็ไม่ขอให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเหมือนในช่วงเช้า และให้สื่อมวลชนรอสัมภาษณ์นายวรยุทธ บุญวงศ์ใส ทนายความส่วนตัว เนื่องจากจะต้องไปทำธุระแต่ครูปรีชาก็ได้บอกกับสื่อมวลชนว่า สบายใจดีที่ได้นำข้อเท็จจริงมาสู่ศาล

สำหรับการไต่สวนยังเหลืออยู่อีก 1 นัด ซึ่งวันนี้ก็ได้ซักถามครูปรีชา เพียงปากเดียวเท่านั้น เชื่อว่านัดหน้าก็คงจะไต่สวนแล้วเสร็จ ถามว่าวันนี้ทางทนายตั้ม มีอะไรเซอร์ไพรส์กับครูปรีชาบ้าง ครูปรีชาตอบว่าไม่รู้ ต้องไปถามเขาเอง หลังจากตอบคำถามเสร็จ ครูปรีชา ก็ได้ยกมือไหว้ลาสื่อมวลชน แล้วเดินทางกลับทันที

ต่อมาเวลาประมาณ 16.59 น.นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม พร้อม ด้วย ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า วันนี้ได้ยื่นซักค้านครูปรีชา แต่ยังไม่แล้วเสร็จ โดยในวันนี้ได้ยื่นเอกสารคำถามค้านไปทั้งหมด 99 ฉบับ และตั้งแต่ช่วงเช้าครูปรีชาได้นำเอาวัตถุพยานซึ่งเป็นคลิปเสียงของ ปอท.เข้าไปอยู่ในสำนวน ซึ่งช่วงบ่ายเราว่าจะมาสืบคลิปเสียงกันต่อ แต่ว่าคลิปเสียงนั้นมันมีความสำคัญในคดีเยอะ เราจึงขอให้ศาลเปิดคลิป

ปรากฏว่าครูปรีชา และทนายความก็ได้คัดค้าน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะกลัวอะไรกับคลิปเสียงของตัวเอง ซึ่งครูปรีชาก็ได้คัดค้านไม่ให้เปิดคลิปเสียง พร้อมแจ้งว่าจะไม่รับรอง ซึ่งเราก็ได้บอกไปว่าคลิปเสียงทั้ง 4, 500 คลิป อยู่ในสำนวนแล้ว แต่ศาลก็ได้วินิจฉัยว่า จะเอาอย่างไรต่อไป ศาลจึงบอกว่าในเมื่อครูปรีชาไม่รับรองว่าคลิปเสียงเป็นเสียงของเขา ศาลท่านจึงไม่อนุญาตให้เปิดคลิป

ดังนั้นคงต้องไปแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเอา ในที่สุดก็เอาตัวที่ถอดเทปออกมาเอาไปถามค้าน ซึ่งเราก็เอาคลิปที่ถอดออกมาเป็นแฟ้มถามครูปรีชาทีละคลิป ๆ ก็เท่ากับว่าคำถอดของเราก็สามารถเข้าไปอยู่ในสำนวนได้ ส่วนศาลท่านจะมีดุลยพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานแค่ไหน ก็ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล

แต่ว่าหลักฐานตัวนี้ต้องบอกเอาไว้ก่อนเลยว่ามันเป็นคลิปเสียงที่ได้มาจากตัวของครูปรีชาที่ยื่นคำร้องขอออกหมายเรียกจากศาลในคดีแพ่ง โดยครูปรีชาได้ขอมาจาก ปอท.จากนั้น ปอท.ก็ส่งคลิปเสียงนี้มา ซึ่งวันนี้ครูปรีชาก็ยอมรับแล้วว่าเป็นคลิปที่ทาง ปอท.ได้ดูดเสียงออกไป เราจึงได้นำคลิปนี้เข้ามาอยู่ในสำนวนคดีอาญา และขณะนี้ก็อยู่ในสำนวนคดีอาญาเรียบร้อยแล้ว แต่อยู่ที่ว่าศาลท่านจะฟังแล้วเชื่อว่าเป็นเสียงของครูปรีชาหรือไม่

วันนี้เราได้มีการตรวจเอกสารต่างๆ และปรากฏว่ามันมีเอกสารอยู่ 3 ฉบับ ซึ่งเป็นเอกสารของครูปรีชาเอง ที่ส่งเข้ามาอยู่ในสำนวน จากการที่เราได้ดูพบว่ามันไม่ตรงกัน และเขาเองก็ยอมรับว่าเอกสารของเขานั้นมันไม่ตรงกัน ดังนั้นเอกสารดังกล่าว อาจจะเป็นหลักฐานพยานเท็จ หลังจากนี้ผมก็จะเดินทางไปที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อไปแจ้งความดำเนินคดีกับครูปรีชา และก็ ทนายวรยุทธ ในข้อหา นำพยานหลักฐานเท็จมาเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาล

โดยเรามี ข้อความ ไลน์ของเขาที่นำมายื่นทั้ง 3 ฉบับ และจะมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบว่าเอกสารฉบับไหนเป็นของจริง ถ้าหากพบก็แสดงว่าเอกสารอีก 2 ฉบับก็คือของปลอม ก็คงจะต้องนำไปตรวจสอบกันต่อไป ในส่วนเรื่องคลิปเป็นคลิปที่สำคัญในเรื่องของคดีที่เราคัดเอาไว้จากกว่า 4,000 คลิป เราคัดเอาไว้ได้ประมาณกว่า 100 คลิป

ไม่ว่าใครจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ หรือว่าเมียเขามีส่วนรู้เห็นหรือไม่ ซึ่งผมได้ส่งให้กับศาลไปทั้งหมด ซึ่งเป็นคำถอดคำแปลเพราะว่าเขาไม่ยอมให้ศาลเปิดคลิป เพราะทางฝ่ายครูปรีชา ไม่อนุญาต ส่วนเอกสารทั้ง 3 ฉบับ ที่จะนำไปแจ้งความนั้นเป็นเอกสาร แซทไลน์ ของพวกเขาเองที่มันไม่ตรงกัน และแซทไลน์นี้ไม่เคยมีการนำออกมาเผยแพร่มาก่อน และจากการตรวจสอบพบว่าเขาส่งแชทไลน์มาแค่เมื่อวันที่ 1 พ.ย.60 แต่ผมได้เอกสารมาเมื่อวันที่ 31 ซึ่งเขาไม่ได้เอามาส่งที่ศาลด้วย

ในวันนี้ก็ได้ส่งมอบให้กับศาล และเขาก็ยอมรับว่าได้มีการพูดคุยกันแบบไหน แต่รายละเอียดก็คงไม่สามารถนำไปเปิดเผยได้มาก เพราะว่าศาลท่านได้วางข้อกำหนดเอาไว้ อันนี้คงบอกได้เพียงแค่คร่าวๆเท่านั้นเอง ซึ่งไลน์ดังกล่าวคุยกันระหว่างครูปรีชากับคนขายหวย ซึ่งเป็นหลักฐานที่สำคัญ ที่เขาไม่ได้เอาเข้าไปอยู่ในสำนวน และจากการนำเอกสารไปถามค้านครูปรีชา ครูปรีชาก็ยอมรับว่ามีการคุยกันจริง และในไลน์ก็มีการรับโทรศัพท์อีกหลายเบอร์ ซึ่งมันจะไปสอดคล้องกับเสียงคลิป

สำหรับวันนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่เราพอใจสูงมาก ที่ได้มีโอกาสได้ทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งก็ต้องขอบคุณศาลที่ท่านเปิดโอกาสให้ผมได้มีการซักค้านพยานปากนี้ได้อย่างเต็มที่ และเต็มเวลา แต่ก็ยังไม่แล้วเสร็จ เพราะว่ายังเหลือเรื่องที่เรากำลังสืบอยู่ คือเรื่องการที่ครูปรีชา ไปออกทีวีตามรายการต่างๆ เรื่องนี้ผมก็ต้องขอแสดงความเสียใจกับพิธีกรทุกคน

เพราะครูปรีชา บอกมาแล้วว่า คลิปรายการมีการนำไปตัดต่อทุกรายการ ที่ครูปรีชาไปออก ซึ่งเรื่องนี้ผมไม่รู้ว่าครูปรีชานั้นไปออกรายการไหนมาบ้าง แต่ว่าอันนี้ศาลก็ต้องไปชั่งน้ำหนักเอาเองแล้วว่า ที่ครูปรีชาบอกว่ามีการตัดต่อและไม่เชื่อถือคลิป มันจริงอย่างที่ครูปรีชาบอกหรือไม่ หรือว่ารายการต่างๆที่ครูปรีชาเคยไปออกรายการไปตัดต่อคลิปของเขาจริงๆ อย่างเช่นรายการโหนกระแส

ส่วนคดีอาญาเลขดำที่ อ.2414/61 ที่ครูปรีชา ใคร่ครวญ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง หมวดจรูญ วิมูล จำเลยที่ 1 และตนนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความ จำเลยที่ 2 ฐานร่วมกันฟ้องเท็จ ศาลได้จำหน่ายคดีนี้ออกไปก่อน เพื่อรอฟังผลคดีหลัก ที่ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 20 ส.ค. ส่วนเรื่องเซอร์ไพรส์ ที่เคยพูดเอาไว้ว่าจะมอบให้กับครูปรีชา ก็คือตนจะพาหมวดจรูญ ไปแจ้งความดำเนินคดีครูปรีชา พร้อมทนายความ ที่ สภ.เมืองกาญจน์ นี่แหละคือเซอร์ไพรส์ ที่จะมอบให้

ด้าน ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ได้กล่าวว่า วันนี้รู้สึกดีใจ ที่ศาลท่านเมตตา แต่ท่านยังไม่ถึงกับรับปาก แต่ท่านบอกว่าจะดูแลให้ เพราะท่านก็อยากให้คดีมันเร็วขึ้น และก็รู้สึกดีใจที่ได้ทนายความอย่างทนายตั้ม ที่เก่ง

ส่วนนายวรยุทธ บุญวงศ์ใส ทนายความส่วนตัวของครูปรีชา เปิดเผยว่า การซักค้านครูปรีชาในวันนี้ยังไม่เสร็จ ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อความแชทไลน์ที่ทางทนายตั้ม จะนำไปแจ้งความดำเนินคดีข้อเท็จจริงนั้นเป็นอย่างไร ตอบว่ามันเป็นหลักฐานที่อยู่ในสำนวน ตนไม่สามารถตอบได้ และจะนำไปเผยแพร่ไม่ได้ เพราะเรามีข้อกำหนดจากศาล

ในส่วนของตนในวันนี้ไม่ได้ทำอะไร ได้แต่นั่งฟังเฉยๆเท่านั้น ซึ่งวันนี้ทนายฝ่ายจำเลยก็ได้ซักค้านอย่างเต็มที่ ครูปรีชาก็ได้ตอบคำถามได้ทุกคำถาม ครูปรีชาเองก็ไม่ได้รู้สึกหนักใจอะไร ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าศาลท่านจะตัดสินอย่างไร แต่ว่ายังคงเหลือวันนัดไต่สวนอีกถึง 2 นัด คือวันที่ 20 ส.ค.และวันที่ 24 ก.ย.61 ส่วนกรณีที่ทาง ทนายตั้ม นำหมวดจรูญ เดินทางไปแจ้งความนั้น ก็เป็นสิทธิ์ เพราะทุกฝ่ายต่างก็มีสิทธิของตนเอง สามารถทำได้อย่างเต็มที่