xs
xsm
sm
md
lg

ศาลอุทธรณ์ยืนประหารชีวิตอดีต ผญบ.หื่นโหดข่มขืนฆ่า “น้องสโนว์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

(แฟ้มภาพ)
กาฬสินธุ์ - ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนประหารชีวิต นายกฤติเดช ระเวงวรรณ อดีตผู้ใหญ่บ้านหื่นโหดก่อเหตุข่มขืนฆ่า “น้องสโนว์” ญาติพอใจ เชื่อฟ้ามีตาผู้บริสุทธิ์ไม่ตายฟรี ขอบคุณกระบวนการยุติธรรม ตำรวจ สื่อมวลชนที่ร่วมติดตามคดีนี้



เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (17 ก.ค.) ที่ห้องพิจารณาบัลลังก์ 6 ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์คดีข่มขืนฆ่า คดีหมายเลขดำที่ อ. 2112/2559 และคดีหมายเลขแดงที่ อ.1381/2560 ที่โจทก์ พนักงานอัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ และ นางลำไย พลประสิทธิ์ โจทก์ร่วมที่ 1 ยื่นฟ้อง นายกฤติเดช ระเวงวรรณ อดีตผู้ใหญ่บ้านสีถาน ต.ดงลิง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ข้อหา ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย

โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 58 ขณะที่ “น้องสโนว์” ขี่รถจักรยานยนต์ไปเรียนตามปกติ จนในช่วงเย็น เวลากลับบ้านถึงที่เกิดเหตุถูกคนร้ายสะกดรอยขี่จักรยานยนต์ประกบและใช้เท้าถีบ โดยคนร้ายพยามจะข่มขืนแต่น้องสโนว์ขัดขืนและได้กัดและบีบลูกอัณฑะจนสามารถหลีกหนีการข่มขืนได้ แต่เนื่องจากถูกทำร้ายมีอาการสาหัสจึงได้เสียชีวิต และที่ผ่านมาศาลชั้นต้นจังหวัดกาฬสินธุ์ได้ตัดสินประหารชีวิตนายกฤติเดช ระเวงวรรณ จำเลย และให้ชดใช้ค่าสินไหม 2,390,000 บาท แต่จำเลยปฏิเสธและได้ใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์คดี

โดยบรรยากาศตั้งแต่ในช่วงเช้า นายกฤษณ์ นางลำใย พลประสิทธิ์ พ่อและแม่น้องสโนว์ พร้อมครอบครัว และเพื่อนบ้านได้เดินทางมาถึงตั้งแต่เวลา 08.45 น. โดยได้กอดภาพถ่ายของ “น้องสโนว์” แนบตัวตลอดเวลา โดยมีสื่อมวลชนร่วมติดตามคดีจำนวนมาก จนเมื่อเวลา 10.00 น. พนักงานอัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ และ นายลำใย พลประสิทธิ์ โจทก์ ร่วมที่ 1 ได้เข้าไปนั่งรอรับฟังการพิจารณาคดี แต่เนื่องจากคดีนี้ นายกฤติเดช ระเวงวรรณ จำเลย ถูกนำตัวฝากขังที่เรือนจำคลองไผ่ จึงไม่ได้นำตัวมาฟังคำพิพากษา แต่ได้มีการเชื่อมสัญญานการอ่านคำพิพากษาผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ให้ฟังแทน

ทั้งนี้ การอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลา 10.45 น. โดยศาลได้ใช้เวลาในการอ่านนานกว่าหนึ่งชั่วโมงสามสิบนาที โดยสาระสำคัญในส่วนจำเลย ซึ่งได้ยื่นอุทธรณ์มานั้นมีการนำสืบพยานแวดล้อมและประจักษ์พยาน รวมถึงการหาข้อโต้แย้งในส่วนหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยโดยสรุปว่าไม่สามารถรับฟังได้ แต่ในส่วนของโจทก์ ถึงแม้จะไม่มีประจักษ์พยานแน่ชัดแต่ปรากฏพยานแวดล้อมที่ให้การสอดคล้องกัน รวมถึงหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์

โดยเฉพาะรอยแผลที่บริเวณนิ้วมือ ซึ่งเป็นฟันของมนุษย์ และลูกอัณฑะเป็นร่องรอยที่เกิดขึ้นจากการต่อสู้ ที่ได้รับคำยืนยันจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางนิติวิทยาศาสตร์ ศาลอุทธรณ์จึงตัดสินยืนโทษประหารชีวิต นายกฤติเดช ระเวงวรรณ จำเลย และให้ชดใช้ค่าสินไหม ตามศาลชั้นต้น

ภายหลังคำตัดสิน นางลำใย พลประสิทธิ์ แม่น้องสโนว์ และญาติต่างพากันหลั่งน้ำตาด้วยความดีใจ โดยกล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม

นางลำใยกล่าวว่า ภายหลังทราบคำตัดสินของศาลอุทธรณ์ภาค 4 รู้สึกหายเหนื่อยขึ้นมามาก เพราะตลอดระยะเวลากว่า 2 ปี 7 เดือน หรือกว่า 935 วัน หลังเกิดเหตุที่ต้องสู้มาถึงวันนี้ก็เพื่อลูกสาว ซึ่งต้องขอขอบคุณกระบวนการยุติธรรม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สื่อมวลชน และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน ตลอดจนญาติๆ และประชาชนชาวไทยทุกคนที่คอยให้กำลังใจเสมอมา แม้หลังเกิดเหตุตนและครอบครัวทุกคนยังจดจำและภาพยังคงติดตามาจนถึงทุกวันนี้

โดยเฉพาะเมื่อขับรถไปขายของผ่านจุดเกิดเหตุบริเวณริมถนนทางเข้าหมู่บ้าน ซึ่งจำเป็นต้องผ่านทุกวันเห็นทีไรก็ต้องปวดใจทุกครั้ง ทุกวันนี้หากคิดถึงลูกทำได้เพียงดูรูปภาพที่ติดไว้ข้างผนังบ้านและเข้าไปดูภาพเก่าๆ ในเฟซบุ๊กของลูกสาว พร้อมกับเล่นเฟซบุ๊กแทนลูกสาวคอยโต้ตอบญาติ เพื่อนและประชาชนทั่วไปที่ติดตามข่าวและคอยให้กำลังใจน้องสโนว์

นางลำใยกล่าวอีกว่า เรื่องราวดังกล่าวถือเป็นเคราะห์ร้ายและความโชคร้ายของครอบครัวพลประสิทธิ์ เพราะนอกจากจะสูญเสียน้องสโนว์ไปโดยไม่มีวันหวนกลับแล้ว ยังต้องสูญเสียเงินทองที่เก็บสะสมมาตลอดทั้งชีวิต เพราะต้องนำมาใช้จ่ายตั้งแต่จัดงานศพและในเรื่องของคดีจนหมด จำเป็นต้องนำที่นาไปขายและที่ทำกินไปจำนองกู้เงินจาก ธ.ก.ส.ไปแล้วเกือบ 1 ล้านบาทมาเป็นค่าใช่จ่ายและนำมาเป็นทุนในการขายของ

เนื่องจากช่วงเกิดเหตุครอบครัวยุ่งอยู่กับคดีไม่มีเวลาขายของทำให้ไม่มีรายได้มาจุนเจือครอบครัว

ด้าน น.ส.ภัทรานิฐ พลประสิทธิ์ อายุ 31 ปี พี่สาวน้องสโนว์ กล่าวว่า ขอขอบคุณกระบวนการยุติธรรมที่ทำให้ความยุติธรรมมีจริง ทำให้ผู้บริสุทธิ์ไม่ตายฟรี ฟ้ามีตา ใครทำอะไรไว้ผลกรรมก็จะได้รับแบบนั้น ทั้งนี้อยากบอกน้องสโนว์ว่าครอบครัวสู้เพื่อน้องมาตลอด และขณะนี้ก็ได้รับความเป็นธรรมแล้ว ไม่ต้องห่วงพี่จะดูแลพ่อกับแม่เอง

ขณะนายสุที อรุญพาส อายุ 50 ปี ชาวบ้านโนนเมือง ม.8 ต.ดงลิง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ เพื่อนบ้านที่มาให้กำลังใจ กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น น้องสโนว์เป็นผู้ถูกกระทำจนเสียชีวิต โดยไม่มีสาเหตุ ไม่มีเรื่องบาดหมาง ไม่ได้ทะเลาะกับใคร ไม่ได้สร้างปัญหา และที่สำคัญไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร แต่กลับตกเป็นเหยื่อ ทั้งที่เด็กจะต้องมีอนาคตมีชีวิตที่ดีเป็นที่พึ่งให้พ่อแม่

เพราะฉะนั้น ในความเห็นส่วนตัวผู้กระทำผิดจะต้องได้รับโทษสูงสุด โดยเฉพาะโทษประหารชีวิต เพราะจะได้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้ที่คิดจะกระทำผิดกฎหมายต่อไป โดยเฉพาะคดีฆ่าข่มขืน


กำลังโหลดความคิดเห็น