ศูนย์ข่าวศรีราชา - กรมโยธาฯ เร่งศึกษาและวางผังพื้นที่เฉพาะรอบสถานีรถไฟความเร็วสูงเมืองพัทยา คาดสรุปผลดำเนินงานได้ก่อนสิ้นปี 61
วันนี้ (4 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.วาสินี วิสุทฺธิวิเศษ สถาปนิกชำนาญการ หัวหน้ากลุ่มงานวางผังพื้นที่ 3 กองผังเมืองเฉพาะ กรมโยธาธิการและผังเมือง เกี่ยวกับการจัดทำโครงการศึกษาออกแบบและวางผังพื้นที่เฉพาะโดยรอบสถานีรถไฟความเร็วสูงเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ว่า เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่เล็งเห็นว่า จ.ชลบุรี มีความสำคัญในด้านการท่องเที่ยวและยังเป็นเมืองแห่งศูนย์กลางการค้า และการคมนาคมขนส่งที่เชื่อมโยงทั้งในระดับภูมิภาค และระดับนานาชาติ
โดยรัฐบาลได้กำหนดตำแหน่งที่ตั้งของสถานีรถไฟความเร็วสูงไว้ที่เมืองพัทยา เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีการขยายตัวในด้านต่างๆ ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดการพัฒนาเมืองอย่างไม่มีระบบ และก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา จึงจำเป็นต้องมีการออกแบบ และวางผังพื้นที่เฉพาะโดยรอบสถานีรถไฟความเร็วสูง เพื่อเป็นแนวในทางการพัฒนาพื้นที่ด้านต่างๆ ทั้งทางกายภาพ โครงสร้างพื้นฐาน และองค์ประกอบของเมือง เพื่อให้สอดคล้องต่อนโยบายของรัฐบาลและโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
“การกำหนดสถานีรถไฟความเร็วสูง (HSR สายตะวันออก) ในพื้นที่เมืองพัทยา ก็เพราะพื้นที่เมืองซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับนานาชาติ จึงเชื่อว่าจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เพิ่มขึ้น และเหมาะต่อการส่งเสริมให้พื้นที่มีบทบาทเป็น MICE ระดับอาเซียนอีกด้วย”
น.ส.วาสินี ยังกล่าวถึงขอบเขตผังพื้นที่เฉพาะโดยรอบสถานีรถไฟความเร็วสูงว่า จะมีขนาดพื้นที่ประมาณ 16 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมสถานีรถไฟเมืองพัทยาเดิม โดยด้านบนจะติดกับตัวสถานีขนส่ง ด้านตะวันออกติดกับอ่างเก็บน้ำมาบประชัน และทิศตะวันตกติดถนนสุขุมวิท
สำหรับโครงการศึกษาครั้งนี้ก็เพื่อจัดทำกรอบแนวทางการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีรถไฟความเร็วสูงเมืองพัทยา วางผังโครงสร้างพื้นฐานให้สอดคล้อง และเชื่อมโยงกับพื้นที่โดยรอบอย่างเป็นระบบ ระหว่างพัทยาเดิม และพัทยาใหม่ ที่สำคัญยังเน้นโครงการเพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อมเมืองเดิม ไม่เสี่ยงภัยน้ำท่วม และมีพื้นที่โล่งว่างรองรับการพัฒนาในอนาคต
“ทางกรมฯ ได้สำรวจและจัดเก็บข้อมูลมาตั้งแต่เดือน พ.ย.2560 แล้ว และยังจัดให้มีการประชุมร่วมกับประชาชนในพื้นที่มาแล้ว 1 ครั้ง เมื่อต้นปี 2561 และจะมีการประชุมกันอีกครั้งในวันที่ 26 ก.ค.นี้ ที่เมืองพัทยา และเดือน ก.ย. ซึ่งคาดว่าก่อนสิ้นปีนี้จะสามารถสรุปผล และจัดทำเอกสารเผยแพร่โครงการให้ประชาชนได้รับทราบต่อไป” น.ส.วาสินี กล่าว