xs
xsm
sm
md
lg

ผวาสูญพันธุ์! อีสานเร่งปั้น “เกษตรกรจิ๋ว” สืบทอดอาชีพกระดูกสันหลังชาติ ทึ่งพลังเด็กอุบลฯ พลิกถิ่นกันดารเป็นทุ่งสีทอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

กลุ่มยุวเกษตรกร โรงเรียนเพียงหลวง 12 ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาวัฒนาพรรณวดี ได้รับรางวัล สถาบันเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ประเภท กลุ่มยุวเกษตรกร ประจำปี 2561
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา
รายงาน

หวั่นอาชีพกระดูกสันหลังของชาติสูญพันธุ์! อีสานเร่งปั้นเกษตรกรรุ่นจิ๋ว ผ่าน “กลุ่มยุวเกษตรกร” เน้นเรียนรู้จากประสบการณ์จริง เผยช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนอาหารกลางวันยั่งยืนสานฝันไทยสู่ครัวโลก ทึ่ง “ร.ร.เพียงหลวง” อุบลฯ เจ๋งพลังเกษตรกรจิ๋วพลิกดินถิ่นกันดารเป็นทุ่งสีทองป้อนอาหารกลางวัน คว้ารางวัลชนะเลิศระดับประเทศ


ประเทศไทย เป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญของโลก ประชากรร้อยละ 35 ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ซึ่งเป็นอาชีพที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและสังคม ปัจจุบันพื้นที่การเกษตรมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องและมีการอพยพแรงงานไปสู่ภาคอุตสาหกรรมและบริการมากขึ้น ส่งผลให้ภาคการเกษตรประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานกลายเป็นสังคมของผู้สูงอายุ ขณะเดียวกันเยาวชนในภาคเกษตรกรรมที่เคยเป็นแรงงานสำคัญในครอบครัวได้หันไปสู่อาชีพอื่น วัตถุนิยมได้เข้ามามีบทบาททำให้ค่านิยมเปลี่ยนแปลงไป บิดามารดาไม่สนับสนุนให้บุตรหลานประกอบอาชีพเกษตรกรรม ซึ่งเป็นสาเหตุให้ผู้สืบทอดอาชีพการเกษตรลดลง

ปรากฏการณ์ดังกล่าวถือเป็นปัญหาสำคัญระดับชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย กรมส่งเสริมการเกษตร ให้ความสำคัญต่อปัญหานี้อย่างจริงจัง จึงได้ดำเนินการพัฒนาเด็กและเยาวชนด้วยการส่งเสริมการรวมตัวกันของเด็กและเยาวชน จัดตั้งเป็น “กลุ่มยุวเกษตรกร” เพื่อพัฒนาความรู้และทักษะอาชีพการเกษตร ทักษะการดำเนินชีวิตในสังคม โดยเน้นวิธีการเรียนรู้จากประสบการณ์และการปฏิบัติจริง (Learning by doing) ให้ยุวเกษตรกรมีความสามารถและมีความพร้อมในการสืบทอดอาชีพการเกษตรและเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศ


นายวิบูลย์ ไชยวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 7 จังหวัดนครราชสีมา (สสข.7 นม.) รับผิดชอบพื้นที่ 8 จังหวัดภาคอีสานตอนล่าง กล่าวว่า สสข.7 นครราชสีมาได้ดำเนินการจัดงานชุมนุมยุวเกษตรกรและที่ปรึกษาเกษตรกรระดับเขตขึ้น เพื่อทำให้สมาชิกยุวเกษตรกรและที่ปรึกษายุวเกษตรกรประจำกลุ่มที่ปฏิบัติงานด้วยความตั้งใจและมีผลงานดีเด่นได้รับการถ่ายทอดความรู้ เพิ่มพูนประสบการณ์ และฝึกให้สมาชิกรู้จักการทำงานร่วมกันเป็นหมู่คณะ รักความสามัคคี และมีความรับผิดชอบในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย

อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนกระบวนการเรียนรู้ สร้างจิตสำนึกให้ยุวเกษตรกรเกิดความรัก และภาคภูมิใจในอาชีพการเกษตรที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีพและเศรษฐกิจของประเทศ สนับสนุนการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นประสบการณ์เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านความคิดการทำงาน ภาวะผู้นำของยุวเกษตรกรเพื่อพัฒนาให้เป็นมืออาชีพ

สำหรับกิจกรรมในงานชุมนุมยุวเกษตรกรฯ ประกอบด้วย กิจกรรมการเลือกตั้งคณะกรรมการสภายุวเกษตรกรระดับเขต กิจกรรมการแข่งขัน ได้แก่ การแข่งขันการพูดในที่ชุมนุม การแข่งขันแยกเมล็ดพันธุ์ การประกวดโครงงาน และฐานเรียนรู้ด้านการเกษตร การแสดงรอบกองไฟ และพิธีเทียน

นายวิบูลย์ ไชยวรรณ ผอ.สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 7  นครราชสีมา  เปิดการจัดงานชุมนุมยุวเกษตรกรและที่ปรึกษาเกษตรกรระดับเขต  ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
นายวิบูลย์กล่าวว่า ในปี 2561 โรงเรียนเพียงหลวง 12 ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี เป็นหนึ่งในโรงเรียนเป้าหมายที่ สสข.7 นครราชสีมา เข้าไปส่งเสริมจนได้รับรางวัลชนะเลิศระดับประเทศ โดยกลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนเพียงหลวง 12 ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ได้รับรางวัลสถาบันเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ประเภทกลุ่มยุวเกษตรกร ประจำปี 2561 ซึ่งเข้ารับรางวัลไปเมื่อวันพืชมงคลที่ผ่านมา และปี 2560 นายเสมอ หาวิวร ผู้อำนวยการโรงเรียนฯ ได้รับโล่รางวัลชนะเลิศระดับประเทศ เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ที่ปรึกษากลุ่มยุวเกษตรกร ประจำปี 2560 ซึ่งถือเป็นความสำเร็จของการดำเนินงานโครงการกลุ่มยุวเกษตรกรของ สสข.7 นครราชสีมา อย่างเป็นรูปธรรม

ด้าน ด.ญ.กมลชนก มิ่งมูล อายุ 12 ปี ตัวแทนเกลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนเพียงหลวง 12 ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า โรงเรียนเพียงหลวง 12ฯ มีครูและนักเรียนรวมกันทั้งหมด 38 คน ตั้งอยู่ในถิ่นทุรกันดาร ประสบปัญหาด้านการเกษตร และที่ตั้งของโรงเรียนเป็นพื้นที่ลาดเชิงเขา ส่วนใหญ่เป็นหิน ที่ดินทำกินมีจำกัด และชาวบ้านไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน

ทางโรงเรียนจึงเริ่มดำเนินโครงการยุวไทบรู พัฒนาอาชีพเกษตรพอเพียง ภายใต้กลุ่มยุวเกษตรกรเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยมีการพัฒนาดินให้มีความอุดมสมบูรณ์ให้เหมาะสำหรับการเพาะปลูก พัฒนาแหล่งน้ำให้เพียงพอสำหรับการเกษตร พัฒนาความรู้วิธีการใหม่ๆ ที่สามารถทำการเกษตรในพื้นที่จำกัดให้ได้ทั้งปริมาณและคุณภาพโดยไม่ใช้สารเคมี

วันนี้ กลุ่มยุวเกษตรกรสามารถทำดินปลูกเองได้ เพาะปลูกพืชผักสวนครัว ทำปุ๋ยอินทรีย์ เลี้ยงสัตว์ชนิดต่างๆ ทั้งไก่ไข่ เป็ด และหมู ซึ่งผลผลิตที่ได้จะนำกลับมาเป็นอาหารกลางวันให้นักเรียนในโรงเรียน และหากเหลือจะนำไปแปรรูปเพื่อส่งขายออกสู่ตลาดภายนอก ในรูปแบบของสหกรณ์ มีการจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายอย่างเป็นระบบ ขณะนี้มีเงินหมุนเวียนอยู่กว่า 60,000 บาท และยังนำเอาผลผลิตของชาวบ้าน เช่น เครื่องจักสานต่างๆ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นมาจำหน่ายในสหกรณ์ด้วย




กำลังโหลดความคิดเห็น