ศูนย์ข่าวศรีราชา - สุดรันทด พ่อเฒ่าหนองปลาไหลเจอคำหวานเจ้าหน้าที่รัฐอ้อนให้สละที่ดินเป็นถนนสาธารณะ บอกจะวางท่อให้เรียบร้อย สุดท้ายได้ดั่งใจไม่แคร์เงาหัว สร้างฝายเกิดใหม่ทำน้ำท่วมตีนเปื่อยกว่า 3 ปี เผยมีประชาชนตกสำรวจยังขอข้าววัดกิน
นายวัชรินทร์ โปร่งพักตร์ อายุ 64 ปี ชาวบ้านพื้นที่ ม.2 ต.หนองปลาไหล อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เปิดเผยถึงชีวิตที่มีความเป็นอยู่อย่างยากลำบากกว่า 3 ปี เนื่องจากจะมีน้ำจากพื้นที่สูงไหลลงมาท่วมพื้นที่บ้านเรือนของตัวเองต้องเดินลุยน้ำจนเท้าเปื่อยเป็นโรคน้ำกัดเท้า โดยที่ไม่ได้รับความเหลียวแลจากหน่วยงานใดๆ ทั้งสิ้น หลังจากเมื่อ 25 ปีก่อน ได้บริจาคที่ดินซึ่งเป็นมรดกของครอบครัวให้เป็นถนนสาธารณะเพื่อใช้เดินทางสัญจรเชื่อมต่อกันระหว่างหมู่บ้าน
โดยในตอนนั้นมีเจ้าหน้าที่ที่เป็นตัวแทนภาครัฐเข้ามาหาตนเอง และพูดจาหว่านล้อมให้เสียสละที่ดินเพื่อสาธารณะในการเดินทางของประชาชนเป็นระยะทางยาวกว่าครึ่งกิโลเมตร ด้วยความที่ถูกอ้อนวอนอยู่นาน และทางเจ้าหน้าที่ได้รับปากว่าจะมีการขุดวางท่อก่อนทำถนนเพื่อเป็นทางระบายน้ำ แต่หลังจากยอมยกที่ให้เป็นถนนสาธารณะไป กลับมีการทำถนนโดยที่ไม่มีการวางท่อตามที่เคยรับปากไว้แต่อย่างใด ทั้งที่มีการลงทุนซื้อท่อระบายน้ำมาไว้ให้แต่ก็ไม่มีการดำเนินการ
นายวัชรินทร์ กล่าวต่อว่า จากนั้นได้มีการสร้างฝายขึ้นบริเวณใกล้พื้นที่ของตนเอง เมื่อมีน้ำมากหรือมีฝนตกหนัก น้ำก็จะทะลักล้นฝายลงมาเอ่อท่วมพื้นที่ของตนเองซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำอยู่เป็นประจำ ต้องเผชิญต่อปัญหาน้ำท่วมบ้านมานานกว่า 3 ปี ล่าสุด บ้านถูกน้ำพัดพังเสียหายไปหนึ่งหลัง หากมีน้ำท่วมขังแต่ละครั้งก็จะใช้เวลาถึง 2-3 เดือนกว่าน้ำจะลดเป็นปกติ เคยไปขอความช่วยเหลือจากเทศบาล เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า เทศบาลเพิ่งมาอยู่หลังจากยกเป็นถนนสาธารณะไปแล้ว ไม่สามารถช่วยเหลือได้ แต่หากตนเองมีเครื่องมือ หรืออุปกรณ์ก็จะส่งคนไปช่วย เพราะทางเทศบาลก็ไม่มีอุปกรณ์
ทั้งนี้ ด้วยฐานะทางบ้านก็เป็นคนยากจนไม่ได้ร่ำรวยเพียงพอที่จะไปซื้ออุปกรณ์การทำก่อสร้างมาขุดเจาะวางท่อ ยังงงว่าเป็นหน่วยงานรัฐแท้ๆ แต่ไม่มีอุปกรณ์ อยากขอร้องหน่วยงานใด หรือใครที่มีอำนาจให้มาช่วยเหลือครอบครัวตนเองด้วย เพราะไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้ว เพราะเคยร้องทุกข์ไปเรื่องก็เงียบ อยากให้ช่วยมาวางท่อให้ และอยากให้ช่วยซ่อมแซมบ้านหลังเก่าที่พังเสียหายให้ด้วย ตอนนี้ก็ลำบากมากขึ้น พืชสวนที่ปลูกไว้ก็น้ำท่วมเสียหายทั้งหมด รวมถึงพื้นที่เลี้ยงเป็ดก็ถูกน้ำท่วมด้วยเช่นกัน
ขณะที่ผู้สื่อข่าวกำลังเดินสำรวจพื้นที่โดยรอบอยู่นั้น ได้พบกับ นางแป้น น้อยพินิจ อายุ 78 ปี ที่มีบ้านอยู่ละแวกเดียวกัน เล่าให้ฟังว่า ชาวบ้านแถวนี้หลายคนตกสำรวจทำให้มีความเป็นอยู่ที่แร้นแค้นไม่มีแม้แต่เงินยังชีพผู้สูงอายุ ส่วนตัวเองนั้นอาศัยอยู่คนเดียว ต้องอาศัยขอข้าววัดกินไปวันๆ เนื่องด้วยแก่แล้ว ประกอบกับมีอาการทางกระดูก เนื่องจากเคยหกล้ม จากที่เคยรับจ้างทั่วไปก็ไม่สามารถทำงานได้ แถมต้องมาเจอปัญหาน้ำท่วมบ้านอีก จึงอยากให้มีคนมาช่วยเหลือตนเองบ้าง
อย่างไรก็ตาม อยากให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ได้ให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกดังกล่าว เพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เนื่องด้วยจังหวัดชลบุรี เป็นเมืองเศรษฐกิจที่ทำรายได้เข้าประเทศอย่างมหาศาล การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนจึงควรมีความเอาใจใส่ควบคู่กับการพัฒนาทางเศรษฐกิจในฐานะที่เป็นจังหวัดที่มีการเติบโตทางธุรกิจ และมีศักยภาพของท้องถิ่นสูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ