ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 เผยพบนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติติดเชื้อ “โรคลีเจียนแนร์” ที่เชียงใหม่จริง ช่วงเข้ามาเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ โดยติดจากถังพักน้ำร้อนรวมของโรงแรม ยันไม่ใช่โรคอันตรายร้ายแรง
จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเกิดอาการป่วยด้วย “โรคลีเจียนแนร์” หลังกลับจากท่องเที่ยวที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวมีการเผยแพร่ต่ออย่างรวดเร็ว รวมที่ทำให้ดูเหมือนว่าเป็นโรคติดต่อร้ายแรงและเกิดสถานการณ์ระบาดรุนแรงนั้น นายแพทย์สุเมธ องค์วรรณดี ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่ เปิดเผยว่ากรณีดังกล่าวมีนักท่องเที่ยวยุโรปคนหนึ่งเกิดอาการป่วย หลังกลับจากท่องเที่ยวที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ได้แจ้งให้สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่ เข้าไปตรวจสอบโรงแรมแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ที่นักท่องเที่ยวคนดังกล่าวเข้าพัก เมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้จากการเก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจพบว่ามีเชื้อ แบคทีเรียลีเจียนเนลลา ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคลีเจียนแนร์ จากน้ำร้อนในถังพักน้ำร้อนรวม น้ำร้อนจากฝักบัวห้องพัก หัวฝักบัวสระน้ำ และหัวก๊อกน้ำในห้องพัก ซึ่งน้ำมีอุณหภูมิประมาณ 32-35 องศาเซลเซียส ทำให้เชื้อดังกล่าวเจริญเติบโตอยู่ได้ และติดต่อสู้นักท่องเที่ยงที่หายใจเอาเชื้อที่ปนเปื้อนอยู่ในละอองฝอยของน้ำเข้าไป จึงได้ให้คำแนะนำในการทำความสะอาดและทำลายแหล่งเพาะพันธ์เชื้อโรค และได้กลับไปตรวจซ้ำอีกครั้งแล้วไม่พบเชื้อโรคอีก
สำหรับโรคลีเจียนแนร์นี้ ถือเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง อย่างไรก็ตามไม่ได้เป็นโรคระบาดรุนแรง ซึ่งไม่พบว่ามีการแพร่เชื้อระหว่างคนสู่คน ดังนั้นคนจึงไม่เป็นพาหะโรค ส่วนอาการที่พบผู้ป่วยจะมีไข้คล้ายไข้หวัดใหญ่ เริ่มด้วยการปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ตามตัว ขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานโรคของผู้รับเชื้อ บางรายอาจจะไม่มีอาการ แต่ก็สามารถติดเชื้อชนิดรุนแรงเรียกว่าโรคปอดอักเสบ
ส่วนของการแก้ไขปัญหาระยะยาวนั้น ควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปให้คำแนะนำและตรวจสอบตามโรงแรมที่พักอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะระบบน้ำร้อนควรมีอุณหภูมิสูงกว่า 50 องศาเซลเซียส ระบบระบายอากาศ ระบบไอน้ำคูลลิ่ง และระบบเครื่องปรับอากาศ ต้องมีการล้างทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรคอยู่เสมอ