ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - จนท.ป่าไม้เชียงใหม่ ลุยตรวจยึดคืนพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ "หุบเขาไฮโซ" ประเดิมด้วยบ้านหรู 2 หลัง โครงการ“ดิ อีดิน เฮอริเทจ" อ.หางดง พร้อมแจ้งความดำเนินคดีเจ้าของโครงการที่ภรรยาเป็นชาวไทยและสามีเป็นชาวต่างชาติ ฐานบุกรุกป่าสงวน
วันนี้ (21 มิ.ย. 61) นายราเชนทร์ ภุมมะภูติ ผู้อำนวยการส่วนป่าไม้เชียงใหม่ พร้อมด้วยนายสายพิน เปียสวน ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า นายเกียรติศักดิ์ กิจศักดิ์ หัวหน้าฝ่ายป้องกันรักษาป่า นายทวิทย์ ปาระมี หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่เชียงใหม่ 13 สันป่าตอง และพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรหางดง นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจยึดพื้นที่ถูกบุกรุกในเขตป่าสงวนแห่งชาติ บ้านแม่ท่าช้าง และบ้านแม่ขนิน ท้องที่บ้านห้วยเสี้ยว หมู่ที่ 11 ตำบลน้ำแพร่ อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากอธิบดีกรมป่าไม้ได้รับการร้องเรียนว่ามีการจัดสรรที่ดินและปลูกบ้านเพื่อขายให้ชาวต่างชาติในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ชื่อโครงการ “ดิ อีดิน เฮอริเทจ เรสซิเด้นท์” ซึ่งจากการสืบสวนข้อมูลจนชัดเจนแล้วจึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อนางนพมาศ แจ้งกระจ่าง และนายพอล เอเดรียน ธีโอดอร์ เม็เกเด สองสามีภรรยาที่เป็นเจ้าของโครงการนี้ ในความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 และมาตรา 31 ฐานความผิด ทำการยึดถือครอบครองทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้างแผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
เบื้องต้นได้เข้าตรวจยึดพื้นที่บ้านพัก 2 หลัง จากทั้งหมด 5 หลังที่มีผู้พักอาศัยอยู่ในปัจจุบัน โดยบ้านทั้ง 2 หลังดังกล่าวนี้ชาวต่างชาติได้ซื้อไปจากโครงการในราคา 8 ล้านบาท และ 9 ล้านบาทตามลำดับ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบและพิสูจน์แล้วว่าตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ส่วนที่เหลือที่มีผู้อยู่อาศัยอีก 3 หลังกำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผู้ที่ซื้อบ้านพักดังกล่าวทั้งหมดจากทางโครงการนั้นไม่ได้ถูกดำเนินคดีข้อหาบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติแต่อย่างใด โดยเมื่อปี 2560 ที่ผ่านมาศาลชั้นต้นได้มีการตัดสินพิพากษาแล้วว่าผู้ที่ซื้อบ้านทั้งหมดเป็นผู้เสียหายจากการซื้อบ้านในโครงการนี้ ซึ่งทางโครงการจะต้องคืนเงินและดอกเบี้ยให้ผู้เสียหายทั้งหมด แต่ทั้งนี้ทางโครงการยังสามารถใช้สิทธิต่อสู้คดีในชั้นศาลอุทธรณ์ต่อไปได้
สำหรับโครงการดังกล่าวนี้มีนางนพมาศ แจ้งกระจ่าง ภรรยาชาวไทย และนายพอล เอเดรียน ธีโอดอร์ เม็งเกเด สามีชาวต่างชาติ เป็นเจ้าของโครงการ มีที่ดินในโครงการทั้งหมด 4 แปลง ได้แก่ แปลที่ 1 เนื้อที่ 1 ไร่ 55 ตารางวา ปลูกบ้าน 2 หลัง ที่ดินแปลงที่ 2 เนื้อที่ 2 ไร่ 1 งาน 50 ตารางวา ปลูกบ้าน 2 หลัง ที่ดินแปลงที่ 3 เนื้อที่ 3 ไร่ 18 ตารางวา ปลูกบ้าน 2 หลัง และที่ดินแปลงที่ 4 เนื้อที่ 2 ไร่ 2 งาน 8 ตารางวา ปลูกบ้าน 3 หลัง ทั้งนี้ ในส่วนของแปลงที่ 1 และแปลงที่ 2 อยู่ระหว่างการเสนอกรมป่าไม้เพิ่มถอนแปลงรังวัดตามโครงการจัดการทรัพยากรที่ดินและป่าไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ส่วนแปลงที่ 3 ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีแล้ว ส่วนแปลงที่ 4 สำนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ยืนยันว่ามีการออกเอกสารสิทธิถูกต้อง ซึ่งมีนางนพมาศเป็นเจ้าของและครอบครอง
ขณะที่นางพัชรากร พลาสเซียร์ หนึ่งในผู้เสียหายเผยว่า ขณะนี้ตนในฐานะผู้เสียหายที่ถูกหลอกซื้อบ้าน ล่าสุดศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้ชนะคดี โดยสองสามีภรรยาที่หลอกให้ซื้อต้องชดใช้เงินคืนพร้อมดอกเบี้ยทั้งหมด แต่ทางฝั่งตรงข้ามยังยืนยันที่จะสู้ต่อในอีก 2 ศาล ซึ่งทำให้ต้องรอต่อไปว่าจะได้เงินคืนเมื่อใด ทำให้ต้องขออุทธรณ์ไปยังกรมป่าไม้เพื่อที่จะต้องอยู่อาศัยในบ้านต่อไปจนกว่าจะได้รับเงินคืน หรือสิ้นสุดคดีความทั้งหมด แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับทางกรมป่าไม้จะพิจารณาให้ความเห็นใจอย่างไร ยืนยันว่าพร้อมจะออกทันทีเมื่อได้รับเงินคืน