ฉะเชิงเทรา - แสนสงสาร!! เด็กชายวัย 13 ปี เผชิญชะตากรรมสุดโหดร้าย ทั้งติดเชื้อเอชไอวี แม่ติดเชื้อ สติไม่สมประกอบจนเป็นที่รังเกียจของคนในชุมชน ต้องลักเล็กขโมยน้อยยังชีพเพราะไม่ได้เรียนหนังสือ วอนหน่วยงานรัฐนำตัวรักษาอย่างถูกวิธี
วันนี้ (19 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ได้ควบคุมตัว ด.ช.น้อยหน่า (นามสมมติ) อายุ 13 ปี หลังพยายามเข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์ภายในบ้านพักของเจ้าหน้าที่นักการภารโรง ของโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านคลอง 18 ต.หมอนทอง อ.บางน้ำเปรี้ยว โดยเจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันล้อมจับไว้ได้ ก่อนแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ควบคุมไปดำเนินคดีที่โรงพัก ซึ่งจากการตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่า เด็กชายคนดังกล่าวมีรูปร่างเล็กเท่ากับเด็กวัยเพียง 9-10 ขวบเท่านั้น
โดย พ.ต.อ.ธนวัฒน์ พูลสวัสดิ์ ผกก.สภ.บางน้ำเปรี้ยว และ ร.ต.อ.ไกรนาถ แสงมณี รองสารวัตรสอบสวน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงประจำ สภ.บางน้ำเปรี้ยว ได้ร่วมกันสอบถามข้อมูลจาก ด.ช.น้อยหน่า จนทราบว่า เด็กคนดังกล่าวได้รับเชื้อโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (HIV) มาแต่กำเนิดจากผู้เป็นบิดามารดา และบิดาได้เสียชีวิตไปแล้ว หลือเพียงผู้เป็นมารดาที่มีสติที่ไม่สมประกอบ แต่ยังสามารถพูดคุยรู้เรื่อง และได้ประกอบอาชีพรับจ้าง ที่แต่ละวันต้องออกไปทำงานตั้งแต่เช้าและเลิกงานในเวลา 17.00 น. จึงไม่มีเวลาดูแลเอาใจใส่ และทำให้ ด.ช.น้อยหน่า ไม่ได้เรียนหนังสือเหมือนเด็กทั่วไป
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ด.ช.น้อยหน่า เคยถูกญาติส่งตัวไปรักษาอาการที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี นานถึง 3 ปีเต็ม และไม่เคยมีใครเข้าไปเยี่ยม หรือดูแลเลย จึงทำให้ต้องหลบหนีออกมาอาศัยอยู่ย่านสนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ จะให้รถแท็กซี่พาไปส่งที่บ้านตามภูมิลำเนาในบัตรประจำตัวประชาชน กระทั่งได้ก่อเหตุลักเล็กขโมยน้อยดังกล่าว
และปัจจุบัน ด.ช.น้อยหน่า ยังคงได้รับยาต้านเชื้อไวรัสอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตามร่างกายไม่ปรากฏอาการใดๆ ให้เห็นอย่างเด่นชัด แต่ยังคงพบริ้วรอยแผลเป็นตามลำตัวทั้งแขน และขา จึงถูกคนในหมู่บ้านรังเกียจ และไม่ยอมรับ และพยายามผลักดันให้ออกจากพื้นที่ชุมชน จนกลายเป็นเด็กจรจัด และถูกชาวบ้านแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวมายังโรงพักอยู่บ่อยครั้ง
โดยผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติม ว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัว ด.ช.น้อยหน้า ไปส่งบ้านพัก ก็ไม่พบว่ามีผู้ปกครอง หรือผู้ที่คอยดูแล จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่รับผิดชอบเข้ามาหาทางช่วยเหลือ หรือนำตัง ด.ช.น้อยหน่า ไปดูแลอย่างถูกวิธี และให้ได้มีสถานที่พักอาศัยที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้กลายเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมในอนาคต หรือลดความเสี่ยงต่อการเป็นอาชญากรในอนาคต
