ฉะเชิงเทรา -ฉะเชิงเทรา - “ศรีวราห์” นำกำลังบุกค้นหาตัวบุคคลต้องสงสัยเกี่ยวโยงเครือข่ายโกตี๋ หลังพบอาวุธสงครามจำนวนมากบริเวณรอยต่อ 3 จังหวัดชิดเมืองหลวง แต่กลับไม่พบตัว ขณะเจ้าของบ้านระบุเป็นเพียงผู้ที่เข้ามาขอเข้าชื่อในทะเบียนบ้านเพื่อรักษาโรคมะเร็งเท่านั้น
วันนี้ (30 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีค้นพบแหล่งพักอาวุธสงครามในพื้นที่ สภ.ฉิมพลี อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นบริเวณแนวเขตรอยต่อระหว่าง 3 จังหวัด ประกอบด้วย ฉะเชิงเทรา นครนายก และปทุมธานี ว่า ล่าสุด เมื่อคืนที่ผ่านมา(29 พ.ย.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารซึ่งนำโดย พ.อ.ทวีพูล ริมสาคร รอง ผบ.กองพลทหารราบที่ 11 ค่ายสมเด็จพระนั่งเกล้า จ.ฉะเชิงเทรา
ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่จำนวนกว่า 30-40 นาย เดินทางเข้าไปตรวจสอบตามหาตัวบุคคลที่เชื่อว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือเชื่อมโยงกันต่อการค้นพบอาวุธสงครามที่ถูกนำมาซุกซ่อนเอาไว้ที่บริเวณกลางทุ่งนาในครั้งนี้ ที่บ้านเลขที่ 156 ม.2 ต.ชุมพล อ.องครักษ์ จ.นครนายก ซึ่งเป็นบ้านของ นายประยูร บุญสมบัติ อายุ 55 ปี แต่ไม่พบตัวของ นายวัฒนา ทรัพย์วิเชียร อายุ 53 ปี บุคคลต้องสงสัย จากทางการสืบสวนว่า มีความเชื่อมโยงต่ออาวุธสงคราม และวัตถุระเบิดที่ถูกพบกลางทุ่งนาในครั้งนี้
โดย นายประยูร กล่าวว่า บุคคลดังกล่าวนี้เป็นเพียงบุคคลที่มีผู้นำพามาขอฝากชื่อให้เข้ามาอยู่ในทะเบียนบ้านเพื่อจะเข้ามาขอใช้สิทธิในการรักษาโรคมะเร็ง ที่โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ มศว องครักษ์ เท่านั้น และ นายวัฒนา ยังไม่เคยเข้ามาอยู่อาศัยภายในบ้านหลังนี้แต่อย่างใด
จากนั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์ จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.องครักษ์ ทำการลงบันทึกในการตรวจสอบค้นหาบุคคลเอาไว้เป็นหลักฐาน ก่อนที่จะทราบว่า นายวัฒนา ซึ่งมีภูมิลำเนาเดิมก่อนย้ายชื่อมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ ได้ย้ายมาจากบ้านเลขที่ 3/5 ม.1 ต.บ้านแดง อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา แต่ปัจจุบันนั้นได้เข้าไปอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 51/2 ม.5 ต.บึงบา อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี จึงได้สั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่นำกำลังเข้าไปทำการตรวจสอบหาบุคคลรายดังกล่าวต่อไป โดยให้ทำรายงานให้ทราบในช่วงเช้าของวันนี้
ด้าน น.ส.เพ็ญนภา คุ้มสมบัติ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 164 ม.2 ต.ชุมพล อ.องครักษ์ จ.นครนายก กล่าวว่า นายวัฒนา บุคคลที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตามหาตัวอยู่นั้นไม่เคยเข้ามาอยู่อาศัยในพื้นที่มาก่อน และไม่มีใครเคยเห็นหน้า หรือเคยรู้จัก โดยเป็นเพียงผู้ที่มีคนนำชื่อมาฝากขอให้เข้ามาอาศัยในทะเบียนบ้านเพื่อที่จะมาใช้สิทธิในการรักษามะเร็ง ที่ศูนย์การแพทย์ มศว เท่านั้น
ขณะที่อาของตนนั้นเป็น อสม.ของโรงพยาบาลดังกล่าวด้วย จึงรู้สึกสงสารและให้เอาชื่อเข้ามาอยู่อาศัยยังในทะเบียนบ้านหลังนี้ได้เท่านั้น โดยที่ไม่ได้รู้จักกันหรือมีความเกี่ยวข้องอะไรกัน
วันนี้ (30 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีค้นพบแหล่งพักอาวุธสงครามในพื้นที่ สภ.ฉิมพลี อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นบริเวณแนวเขตรอยต่อระหว่าง 3 จังหวัด ประกอบด้วย ฉะเชิงเทรา นครนายก และปทุมธานี ว่า ล่าสุด เมื่อคืนที่ผ่านมา(29 พ.ย.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารซึ่งนำโดย พ.อ.ทวีพูล ริมสาคร รอง ผบ.กองพลทหารราบที่ 11 ค่ายสมเด็จพระนั่งเกล้า จ.ฉะเชิงเทรา
ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่จำนวนกว่า 30-40 นาย เดินทางเข้าไปตรวจสอบตามหาตัวบุคคลที่เชื่อว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือเชื่อมโยงกันต่อการค้นพบอาวุธสงครามที่ถูกนำมาซุกซ่อนเอาไว้ที่บริเวณกลางทุ่งนาในครั้งนี้ ที่บ้านเลขที่ 156 ม.2 ต.ชุมพล อ.องครักษ์ จ.นครนายก ซึ่งเป็นบ้านของ นายประยูร บุญสมบัติ อายุ 55 ปี แต่ไม่พบตัวของ นายวัฒนา ทรัพย์วิเชียร อายุ 53 ปี บุคคลต้องสงสัย จากทางการสืบสวนว่า มีความเชื่อมโยงต่ออาวุธสงคราม และวัตถุระเบิดที่ถูกพบกลางทุ่งนาในครั้งนี้
โดย นายประยูร กล่าวว่า บุคคลดังกล่าวนี้เป็นเพียงบุคคลที่มีผู้นำพามาขอฝากชื่อให้เข้ามาอยู่ในทะเบียนบ้านเพื่อจะเข้ามาขอใช้สิทธิในการรักษาโรคมะเร็ง ที่โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ มศว องครักษ์ เท่านั้น และ นายวัฒนา ยังไม่เคยเข้ามาอยู่อาศัยภายในบ้านหลังนี้แต่อย่างใด
จากนั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์ จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.องครักษ์ ทำการลงบันทึกในการตรวจสอบค้นหาบุคคลเอาไว้เป็นหลักฐาน ก่อนที่จะทราบว่า นายวัฒนา ซึ่งมีภูมิลำเนาเดิมก่อนย้ายชื่อมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ ได้ย้ายมาจากบ้านเลขที่ 3/5 ม.1 ต.บ้านแดง อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา แต่ปัจจุบันนั้นได้เข้าไปอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 51/2 ม.5 ต.บึงบา อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี จึงได้สั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่นำกำลังเข้าไปทำการตรวจสอบหาบุคคลรายดังกล่าวต่อไป โดยให้ทำรายงานให้ทราบในช่วงเช้าของวันนี้
ด้าน น.ส.เพ็ญนภา คุ้มสมบัติ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 164 ม.2 ต.ชุมพล อ.องครักษ์ จ.นครนายก กล่าวว่า นายวัฒนา บุคคลที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตามหาตัวอยู่นั้นไม่เคยเข้ามาอยู่อาศัยในพื้นที่มาก่อน และไม่มีใครเคยเห็นหน้า หรือเคยรู้จัก โดยเป็นเพียงผู้ที่มีคนนำชื่อมาฝากขอให้เข้ามาอาศัยในทะเบียนบ้านเพื่อที่จะมาใช้สิทธิในการรักษามะเร็ง ที่ศูนย์การแพทย์ มศว เท่านั้น
ขณะที่อาของตนนั้นเป็น อสม.ของโรงพยาบาลดังกล่าวด้วย จึงรู้สึกสงสารและให้เอาชื่อเข้ามาอยู่อาศัยยังในทะเบียนบ้านหลังนี้ได้เท่านั้น โดยที่ไม่ได้รู้จักกันหรือมีความเกี่ยวข้องอะไรกัน