พิษณุโลก - พลเมืองดีแจ้งตำรวจรวบแล้ว “ไอ้หมึก” คนป่าเซ่า-อุตรดิตถ์ ประวัติฉาวเคยติดคุกฐานขืนใจเด็ก 13 พ้นโทษแล้วก่อเหตุซ้ำ ข่มขืน-ตีหัวสาววัย 16 เลือดอาบใต้สะพานนเรศวรกลางเมืองสองแควแล้วมุดท่อ-ว่ายน้ำหนี อ้างซื้อบริการ 150 บาท
วันนี้ (17 มิ.ย.) ร.ต.อ.วิรัตน์ โมสกุล รอง สวป.สภ.เมืองพิษณุโลก ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 พิษณุโลก เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น.เศษที่ผ่านมาว่า มีพลเมืองดีโทรศัพท์แจ้งว่าพบผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุทำร้าย-ข่มขืน น.ส.ณี (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ที่บริเวณปากท่อระบายน้ำใต้สะพานนเรศวร หน้าวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร อ.เมืองพิษณุโลก เมื่อเวลาประมาณ 2 ทุ่มเศษคืนเดียวกัน จนศีรษะแตก-ฟันหัก โดยพบว่าผู้ต้องสงสัยคนดังกล่าววิ่งจากท็อปแลนด์พลาซ่าไปทางตึกร้างฝั่งตรงข้าม
เจ้าหน้าที่จึงไล่ติดตามเพื่อตรวจสอบ จนเห็นผู้ต้องสงสัยคนดังกล่าววิ่งลงไปในแม่น้ำน่านหน้าโรงเรียนเฉลิมขวัญสตรี แล้วลอยคอว่ายน้ำข้ามฝั่งไปฝั่งตะวันตกด้านหน้าโรงแรมวังจันทร์ริเวอร์วิว จึงร่วมกันควบคุมตัวมาสอบสวน ทราบชื่อต่อมาคือ นายสมชาย เย็นจิตร หรือหมึก อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41/6 หมู่ 3 ต.ป่าเซ่า อ.เมืองอุตรดิตถ์
นายสมชาย หรือหมึก ให้การว่า ช่วงเย็นวันที่ 16 มิ.ย. ตนดื่มสุราขาวมา ต่อมาช่วงหัวค่ำพบ น.ส.ณี (นามสมมติ) ผู้เสียหายนั่งอยู่ริมตลิ่งหน้าวัดใหญ่เพียงคนเดียว จึงเข้าไปพูดคุยขอซื้อบริการในราคา 150 บาท น.ส.ณีตกลงจึงพาไปที่ปากท่อระบายน้ำ
หลังจากร่วมเพศกัน ตนไม่สำเร็จความใคร่จึงขอเงินคืน แต่ น.ส.ณีไม่ยินยอมจึงชกไป 3 ครั้ง จน น.ส.ณีร้องให้คนช่วย ตนตกใจจึงหลบหนีไปตามท่อระบายน้ำ ก่อนจะไปขึ้นท่อเหล็กระบายน้ำบริเวณหน้าท็อปแลนด์พลาซ่า (ห่างจากปากท่อระบายน้ำที่มุดหนีประมาณ 400 เมตร) แล้ววิ่งข้ามมาทางตึกร้าง จากนั้นก็วิ่งเข้าถนนกลางโรงเรียนเฉลิมขวัญสตรี แล้วลงแม่น้ำน่านว่ายน้ำข้ามฝั่งมากระทั่งถูกตำรวจจับกุมตัวได้ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังไม่เชื่อคำให้การของนายสมชาย หรือหมึก เนื่องจากสอบประวัติแล้วพบว่าเคยถูกจับดำเนินคดีฐานข่มขืนเด็กอายุ 13 ปีที่อุตรดิตถ์ แล้วถูกส่งตัวมาจำคุกที่เรือนจำกลางพิษณุโลกเมื่อปี 2551 กระทั่งพ้นโทษออกมาเมื่อปี 2556 จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก เจ้าของคดี เพื่อสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
สำหรับเหตุการณ์คนร้ายข่มขืน-ทำร้าย น.ส.ณี (นามสมมติ) สาววัย 16 ปี ภูมิลำเนาเดิมเป็นชาวพิจิตรนั้น ทาง ร.ต.อ.สาลี ดวงอุประ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งเหตุราว 20.30 น.คืนที่ผ่านมา มีคนร้ายข่มขืนหญิงสาวและมีพลเมืองดีช่วยเหลือ ที่บริเวณใต้สะพานนเรศวร หน้าวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร อ.เมืองพิษณุโลก
เมื่อไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน พบนายสัญญา หล่อเนาวรัตน์ อายุ 30 ปี และภรรยา กำลังช่วยเหลือ น.ส.ณี (นามสมมติ) ที่ถูกคนร้ายข่มขืน-ทำร้าย จนได้รับบาดเจ็บ
สอบสวน น.ส.ณี (นามสมมติ) ให้การต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ก่อนเกิดเหตุได้มานั่งเล่นที่บริเวณริมน้ำหน้าวัดใหญ่ จากนั้นนายสมชาย หรือหมึก ซึ่งขณะนั้นกำลังเมา มาพูดหลอกล่อตนเอง และพยายามจะข่มขืน แต่ตนเดินหนีมาบริเวณใต้สะพาน นายหมึกกลับทำร้ายร่างกายตนโดยใช้ขวดเหล้าขาวตีหัวจนได้รับบาดเจ็บ ก่อนลากตนไปที่ท่อระบายน้ำใต้สะพายแล้วบีบคอไม่ให้พูด พร้อมกับแก้กางเกงแล้วพยายามข่มขืน ขณะที่ตนเห็นคนหาปลาผ่านมาก็พยายามร้องขอความช่วยเหลือ จนนายหมึกตกใจรีบวิ่งหนีเข้าไปในท่อระบายน้ำที่ลึกมากไปตามเมืองพิษณุโลก
นายสัญญา หล่อเนาวรัตน์ คนหาปลาพลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์เล่าให้ฟังว่า ตนออกหาปลาตามปกติ แต่เห็นผู้ชายผู้หญิงกำลังมีอะไรกันที่บริเวณปากท่อระบายน้ำ ตอนแรกนึกว่าเป็นสาวขายบริการ แต่สักพักผู้หญิงก็ร้องขอความช่วยเหลือ ตนจึงส่องไฟแล้วตะโกนว่า มีอะไรกัน..ทำให้ผู้ชายวิ่งหนีเข้าไปในท่อระบายน้ำโดยไม่สวมกางเกง จากนั้นตนก็ได้ช่วยเหลือหญิงสาวผู้เสียหายออกมาจากท่อระบายน้ำในสภาพเปลือยกายท่อนล่าง แล้วนำเอากางเกงที่ถูกถอดมาใส่ให้ ส่วนกางเกงของคนร้ายที่ก่อเหตุได้เก็บไว้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งในกางเกงมีบัตรประจำตัวประชาชนอยู่ด้วย
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว น.ส.ณีไปทำการตรวจร่างกายที่ รพ.พุทธชินราช ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 1 ชุดได้เฝ้าปากท่อระบายน้ำนานกว่า 30 นาที จนพบคนร้ายที่ทราบว่า เป็นนายสมชาย หรือหมึก โผล่ออกมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตะโกนเรียกให้ออกมา แต่คนร้ายกลับย้อนไปในท่อระบายน้ำอีกครั้ง
ต่อมา พล.ต.ต.ถาวร แสงฤทธิ์ ผบก.ภ.พิษณุโลก ได้เดินทางตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เร่งจับตัวคนร้ายออกมาจากท่อระบายน้ำโดยเร็ว เนื่องจากภายในท่อระบายน้ำมีแต่กลิ่นเหม็นและอับอากาศ เกรงว่าคนร้ายจะขาดอากาศหายใจ จึงได้ประสานกับทางเจ้าหน้าที่เทศบาลนครพิษณุโลกเพื่อให้นำเครื่องออกซิเจนเข้าไปค้นหานายสมชายตามท่อระบายน้ำในระยะทางกว่า 100 เมตร ใช้เวลานานกว่า 3 ชม.ก็ยังไม่เจอตัว ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ต้องยกเลิกการค้นหา กระทั่งมีพลเมืองดีพบผู้ต้องสงสัยเป็นคนร้ายจนสามารถจับกุมได้ดังกล่าว