กาฬสินธุ์ - ตำรวจ สภ.ท่าคันโทออกหมายเรียกเกษตรกรเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน ส.ป.ก.จำนวน 4 ราย ที่ถูกนายทุนรับเหมาก่อสร้างลักลอบนำเครื่องจักรเข้าไปขุดดินและหินลูกรังแล้วขโมยดินหลวงไปขาย มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท รวมพื้นที่เสียหาย 15 ไร่
จากกรณีเจ้าหน้าที่ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่ามีนายทุนรับเหมาก่อสร้างนำเครื่องจักรเข้าไปลักลอบขุดดินและหินลูกรังในแปลงที่ดิน ส.ป.ก.ในพื้นที่บ้านยางอุ้ม ม.1 ต.ยางอุ้ม อ.ท่าคันโท จ.กาฬสินธุ์ ทำให้พื้นที่ 15 ไร่เศษ จากพื้นที่ 30 ไร่ เป็นบ่อลึกมากกว่า 10 เมตร สร้างความเสียหายให้กับที่ดินของหลวงมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท
ล่าสุดวันนี้ (13 มิ.ย.) พ.อ.มานพ ไขขุนทด รอง ผอ.รมน.จังหวัดกาฬสินธุ์ นายเดชา เจนกลรบ ปฏิรูปที่ดิน จ.กาฬสินธุ์ นายพลานุภาพ ธนพรคำแพทย์ นายอำเภอท่าคันโท เข้าติดตามความคืบหน้าในการสืบหาตัวผู้กระทำผิดกับพนักงานสอบสวน สภ.ท่าคันโท โดยมี พ.ต.ท.ชำนาญ โชติประดิษฐ์ รอง ผกก.(ป.) สภ.ท่าคันโท และ พ.ต.ท.กิตติ์ธานี ทิพย์ศิริคำ พนักงานสอบสวน สภ.ท่าคันโทเจ้าของคดี รายงานความคืบหน้า พร้อมกับเข้าตรวจสอบรถแบ็กโฮยี่ห้อฮุนได สีเหลือง หลังจากเจ้าหน้าที่สามารรถตรวจยึดได้บริเวณที่เกิดเหตุขณะกำลังลักลอบขุดดินและหินลูกรัง
เบื้องต้นจากการตรวจสอบรถแบ็กโฮคันดังกล่าว พบว่ามีป้ายข้อความติดบริเวณหน้ากระจกคนขับว่า “เทพเขมราฐ” ส่วนสภาพรถนั้นยังใช้งานได้ดี จากการประเมินราคารถคันดังกล่าวอยู่ที่ 5 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตามตัวเจ้าของรถมาสอบปากคำต่อไป
พ.ต.ท.กิตติ์ธานี ทิพย์ศิริคำ พนักงานสอบสวน สภ.ท่าคันโท จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ประสานไปยังสำนักงาน ส.ป.ก.กาฬสินธุ์ เพื่อขอรายชื่อผู้ที่ครอบครองและถือกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ส.ป.ก.ทั้ง 4 แปลง เนื้อที่รวม 30 ไร่ และได้ออกหมายเรียกทั้ง 4 รายมาทำการสอบปากคำ ประกอบด้วย 1. นายคำพันธ์ จันทลสาร อายุ 78 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68 ม.1 ต.นาตาล อ.ท่าคันโท 2. น.ส.มะลัยวัลย์ จันทลสาร อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 ม.3 ต.นาตาล อ.ท่าคันโท 3. น.ส.ตรียา จันทลสาร อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68 ม.1 ต.นาตาล อ.ท่าคัน และ 4. นายกำจัด จันทลสาร อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 63 ม.10 ต.ดงมูล อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์
เจ้าหน้าที่จะทำการสอบปากคำว่าสาเหตุใดถึงมีการลักลอบเข้าไปขุดดิน และมีการซื้อขายเปลี่ยนมือกันหรือไม่ ส่วนรถแบ็กโฮที่ยึดมาตรวจสอบ 1 คันนั้น เบื้องต้นอยู่ระหว่างการติดตามตัวเจ้าของรถมาทำการสอบปากคำเช่นกัน
ด้าน นายเดชา เจนกลรบ ปฏิรูปที่ดิน จ.กาฬสินธุ์ ระบุว่า เท่าที่ตรวจสอบพบพื้นที่ ส.ป.ก.บริเวณดังกล่าวถูกขุดเอาดินและหินลูกรังออกไปเสียหายราว 15 ไร่ 2 งาน คาดว่าผู้รับเหมานำดินและหินออกไปทำถนนอย่างแน่นอน ซึ่งขณะนี้กำลังประสานงานไปยัง ส.ป.ก.ส่วนกลาง เพื่อที่จะนำโดรนติดจีพีเอสมาบินสำรวจความเสียหายอย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้นทาง ส.ป.ก.กาฬสินธุ์ได้เข้าแจ้งความต่อตำรวจไว้แล้ว เพื่อที่จะดำเนินคดีทั้งทางอาญา และแพ่ง
เนื่องจากเป็นการสร้างความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติของรัฐเป็นอย่างมาก เพราะลักลอบขุดดิน ซึ่งเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินไปขาย
ส่วนเกษตรกรทั้ง 4 รายที่มีชื่อถือครอบครองกรรมสิทธิ์นั้นจะต้องเชิญตัวมาสอบ หากพบว่ามีการขายและมีส่วนรู้เห็นในการลักลอบขุดจะต้องหมดสิทธิถือครองในที่ดิน ส.ป.ก.ทั้ง 4 แปลงนี้ทันที
ขณะที่ พ.อ.มานพ ไขขุนทด รอง ผอ.รมน.จังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งติดตามตัวเจ้าของรถแบ็กโฮมาสอบสวนโดยเร็วที่สุด การกระทำครั้งนี้สร้างความเสียหายไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท เนื่องจากเป็นการลักลอบขุดแล้วนำเอาดินและหินลูกรังออกไปขายนานแล้วหลายปี จนทำให้พื้นที่ 15 ไร่เศษกลายเป็นบ่อขนาดใหญ่และมีความลึกเฉลี่ยกว่า 10 เมตร
“เป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และยากต่อการปรับสภาพพื้นที่ให้กลับมาเหมือนเดิม ตอนนี้เราได้กำชับและเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างถึงที่สุด ไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพลใดๆ ทั้งสิ้น เป็นการกระทำที่อุกอาจไม่เกรงกลัวกฎหมาย” พ.อ.มานพกล่าว