ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เปิดใจ! คุณปู่น่องเหล็กวัย 72 ปี ผู้ทำสถิติปั่นพิชิตเส้นทางขึ้นลงดอยอินทนนท์ครบ 100 รอบได้เป็นคนแรก เผยเป็นนักปั่นมาตั้งแต่วัยรุ่น ชื่นชอบเส้นทางแห่งนี้ที่สวยงามและสงบเงียบ จึงถือโอกาสใช้เป็นสนามซ้อมเพื่อเตรียมลุยสนามแข่งขันรายการใหญ่ในต่างประเทศปีละ 2 ครั้ง ใช้เวลาปีกว่าทำสถิติสำเร็จ
จากกรณีที่โลกออนไลน์ โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับวงการนักปั่นจักรยานมีการโพสต์และกล่าวถึงเรื่องราวของนายเลอศักดิ์ อินชัย อายุ 72 ปี กันอย่างกว้างขวางด้วยความชื่นชมและยินดี หลังจากที่เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 61 นายเลอศักดิ์ได้ทำสถิติปั่นจักรยานขึ้นลงดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ ครบ 100 รอบ เป็นคนแรก ท่ามกลางสภาพอากาศที่มีฝนตกโปรยปรายและอากาศค่อนข้างหนาวเย็นอยู่ที่ 10-12 องศาเซลเซียส โดยมีนักปั่นจักรยานทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติร่วมแสดงความยินดี รวมทั้งนายรุ่ง หิรัญวงษ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ได้ร่วมแสดงความยินดีด้วย พร้อมทั้งมอบเกียรติบัตรของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ให้ด้วย
พร้อมระบุว่า แม้อายุจะล่วงเลยเข้าวัย 72 ปี แต่ยังคงมีความแข็งแรงเป็นที่ยกย่องของวงการนักปั่นจักรยานทั้งชาวไทย และต่างชาติ โดยเฉพาะเส้นทางสุดโหดที่น้อยคนนักจะสามารถพิชิตได้หลายๆ ครั้งในช่วงชีวิต ในเส้นทางสู่ยอดดอยอินทนนท์ที่มีระยะทางไปกลับมากถึง 94 กิโลเมตร และเป็นเส้นทางที่สูงที่สุดในประเทศไทยด้วย แต่นายเลอศักดิ์ ซึ่งเป็นชาวกรุงเทพฯ ที่ย้ายมาอยู่จังหวัดเชียงใหม่ สามารถพิชิตเส้นทางทั้งขึ้น และลงยอดดอยอินทนนท์มาหลายครั้งมากกว่าคนทั่วไป กระทั่งวันที่ 10 มิ.ย. 61 สามารถปั่นขึ้นลงครบ 100 รอบเป็นคนแรก และเป็นคนเดียวในปัจจุบัน ถือเป็นแบบอย่าง และเป็นแรงบันดาลใจให้แก่นักปั่นจักรยานทั้งอาชีพ และมือสมัครเล่นต่อไป
ล่าสุดนายเลอศักดิ์ อินชัย อายุ 72 ปี เปิดเผยว่า ตัวเองเป็นชาวกรุงเทพฯ เป็นนักปั่นจักรยานมาตั้งแต่วัยรุ่น ซึ่งเคยเข้าเก็บตัวเพื่อคัดตัวทีมชาติไปแข่งโอลิมปิก แต่ด้วยปัญหาทางด้านการเมืองจึงไม่ได้ไปเป็นตัวแทนครั้งนั้น และตัดสินใจมุ่งสู่สนามต่างประเทศด้วยตัวเอง ไปแข่งขันและใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกาอยู่ประมาณ 10 ปี เดินสายแข่งขันจักรยานทั่วโลก ก่อนที่จะกลับมาทำธุรกิจส่วนตัวที่ประเทศไทย ไปพร้อมกับการปั่นจักรยาน สามารถพิชิตการแข่งขันในประเทศและต่างประเทศมาต่อเนื่อง
จนถึงทุกวันนี้อายุ 72 ปี ได้เกษียณตัวเองมาใช้ชีวิตอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่อย่างจริงจังได้ 2 ปีเต็ม เพราะเชียงใหม่มีเส้นทางการปั่นจักรยานที่สวยงามและหลากหลาย สภาพอากาศที่ดี และความมีอัธยาศัยไมตรีของชาวเชียงใหม่ที่เอื้อเฟื้อเส้นทางกับจักรยาน ซึ่งไม่ใช่แค่ตัวเอง แต่นักปั่นจากทั่วโลกก็ชื่นชมเช่นกัน และยอมรับว่าเชียงใหม่มีเส้นทางปั่นจักรยานติดอันดับต้นๆ ของโลกที่มีนักปั่นอาชีพมาเก็บตัวจำนวนมาก โดยเฉพาะเส้นทางอินทนนท์ ซึ่งจะเป็นเส้นทางที่สวยงามอากาศดี และการจราจรไม่พลุกพล่าน เงียบสงบ ทำให้ส่วนตัวชอบเส้นทางนี้เป็นพิเศษ และมองว่าเป็นเส้นทางที่ดีที่สุดของไทยด้วย ความเงียบยังทำให้มีสมาธิกับตนเองได้มากที่สุดด้วย
สำหรับการปั่นขึ้นลงดอยอินทนนท์ของตัวเองนั้น เริ่มต้นมาจากที่เข้าร่วมแข่งขันรายการพิชิตยอดดอยอินทนนท์ปีละครั้ง ติดต่อกัน 4 ปี และเริ่มติดใจ เพราะเป็นเส้นทางที่มีสภาพความสูงใกล้เคียงกับสนามในต่างประเทศที่ตัวเองไปแข่งขันประจำอยู่แล้วอย่างรายการแกรนด์ฟอนโด ที่มณฑลยูนนาน ประเทศจีน และรายการเตโอเอ็น ที่ประเทศไต้หวัน ซึ่งเป็นสนามที่แข่งขันต่อเนื่อง 4-6 วันต่อรายการ ที่มีนักปั่นจักรยานรุ่นอายุ 60 ปีขึ้นไปจากทั่วโลกเข้าร่วม โดยตัวเองมักจะเกาะกลุ่มในระดับกลางๆ ค่อนขึ้นทางบนเล็กน้อย
ทั้งนี้ เส้นทางขึ้นลงดอยอินทนนท์นี้จึงถือเป็นสนามซ้อมของตัวเอง เมื่อปั่นเยอะเข้าก็เริ่มมีเพื่อนนักปั่นมากขึ้น ก็อยากให้เริ่มนับทำสถิติ จนเป็นที่มาของการปั่นครบ 100 รอบ ซึ่งหากไม่นับ 4 ครั้งแรกที่มาปั่นปีละครั้งแล้ว 96 ครั้งที่เหลือใช้เวลาประมาณ 1 ปีเศษ เริ่มปั่นและเริ่มนับจากครั้งที่ 5 มาตั้งแต่ปี 2559 จนถึงวันที่ปั่นครบ 100 รอบ ใช้เวลาปีเศษๆ เกือบ 2 ปี และยังยืนยันว่าจะปั่นต่อไปจนกว่าสภาพร่างกายจะไม่ไหว
นายเลอศักดิ์บอกด้วยว่า แต่ละปียังมีสนามใหญ่ในประเทศประมาณ 3 สนาม และสนามต่างประเทศอีก 2-3 สนาม ในแต่ละสัปดาห์ตอนนี้มีเวลาปั่นเต็มที่จะปั่นประมาณ 6 วัน หยุด 1 วันเพื่อพักผ่อน ซึ่งตอนนี้หลังจากที่เป็นข่าวดังกล่าวออกไปและได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับนักปั่นจักรยานหลายๆ คน รวมถึงผู้สูงวัยที่คิดจะออกกำลังกาย ก็รู้สึกดีใจ ส่วนตัวเป็นคนดูแลสุขภาพมาตลอดเนื่องจากตัวเองเป็นนักกีฬาตลอดชีวิตที่ผ่านมา แต่ก็มีบางครั้งที่เคยป่วยจากอุบัติเหตุ หรือหนักสุดเคยผ่าตัดหัวใจจากอาการเส้นเลือดตีบจนหยุดหายใจมาแล้ว
หลังจากรักษาตัวเองก็กลับมาปั่นจักรยานอีกครั้งจนถึงทุกวันนี้ อยากให้กำลังใจทุกคนที่ออกกำลังกาย แต่ใครที่กำลังจะเริ่มออกกำลังกายในช่วงวัยที่อายุมากแล้วก็อยากให้ตรวจเช็กสภาพร่างกายให้ดี โดยเฉพาะหัวใจ เพื่อให้แน่ใจว่ามีความพร้อมสำหรับการออกกำลังกาย เนื่องจากเส้นเลือดและหัวใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการทำงานของร่างกาย