xs
xsm
sm
md
lg

กราบหัวใจสุดประเสริฐ! ลุงพิการอัมพฤกษ์ยอมสละดวงตาให้สาวบุรีรัมย์ตาบอด ถูกสามีทิ้งเลี้ยงลูกน้อยลำพัง-ยอดบริจาคทะลุ 1.4 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บุรีรัมย์ - กราบหัวใจอันสุดประเสริฐ! ลุงวัย 59 ปีชาวฉะเชิงเทรา ป่วยอัมพฤกษ์นอนติดเตียงมากว่า 20 ปี ยอมสละดวงตา 1 ข้าง บริจาคให้สาวบุรีรัมย์ตาบอดถูกสามีทิ้งให้เลี้ยงลูกน้อยลำพังในเพิงสังกะสีเก่าต้องอดมื้อกินมื้อ มีโอกาสมองเห็นทำงานเลี้ยงลูกได้ สาวเผยทั้งน้ำตาเหมือนได้ชีวิตใหม่ ขณะยอดเงินบริจาคทะลุ 1.4 ล้าน

วันนี้ (6 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเรื่องราวชีวิตอันน่าหดหู่ใจของ น.ส.สุนิสา มุ่งรวยกลาง หรือน้องยุ้ย อายุ 26 ปี ชาวบ้านกลันทา ม.10 ต.กระสัง อ.เมืองฯ จ.บุรีรัมย์ ที่พิการตาบอดทั้งสองข้างมานานกว่า 7 ปี เพราะผลข้างเคียงจากการทำงานโรงงานหลอมเหล็ก ซ้ำสามีหนีไปบวช ทิ้งให้เลี้ยงลูกชายวัย 1 ขวบ 3 เดือนตามลำพัง ปัจจุบันอาศัยเพิงเล็กๆ ที่ล้อมรอบและมุงด้วยสังกะสีเก่าผุพังเป็นที่ซุกหัวนอน มีเพียงเบี้ยคนพิการเดือนละ 800 บาท และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน เดือนละ 300 บาท ซื้อข้าว และอาหารกินประทังชีวิต ต้องอยู่อย่างยากลำบากอดมื้อกินมื้อ บางครั้งไม่มีเงินซื้อนมให้ลูกกินจนคิดท้อถึงขั้นอยากจะฆ่าตัวตายนั้น

ล่าสุด นายพายัพ รอดเมือง อายุ 59 ปี ชาวบ้านหนองหว้า อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งพิการเป็นอัมพฤกษ์นอนป่วยติดเตียงมานานกว่า 20 ปี ได้โทรศัพท์ติดต่อไปยัง น.ส.สุนิสา หรือน้องยุ้ย สาวพิการตาบอด เพื่อแจ้งความประสงค์ว่าจะขอบริจาคดวงตาให้แก่น้องยุ้ย 1 ข้าง เพื่อให้น้องมีโอกาสกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง เพื่อจะได้ทำงานหาเลี้ยงลูกได้ด้วยตนเองโดยไม่เป็นภาระคนอื่น เมื่อน้องยุ้ยได้ยินจากปากคุณลุงว่าจะยอมสละดวงตาให้ 1 ข้าง ถึงกับน้ำตาไหลด้วยความตื้นตันใจ เพราะไม่คาดคิดว่าจะมีใครที่ยอมเสียสละดวงตาให้ ทั้งที่ไม่ใช่ญาติและไม่เคยรู้จักกันเลย ที่สำคัญคุณลุงยังมีร่างกายพิการเป็นอัมพฤกษ์ แต่หัวใจกลับสุดประเสริฐ

คุณลุงยังได้บอกกับน้องยุ้ยทางโทรศัพท์ด้วยว่า หลังจากได้ดูข่าวรู้สึกสงสาร และตัดสินใจทันทีว่าอยากจะบริจาคดวงตาของตนให้กับน้อง เพราะตนเป็นผู้ป่วยติดเตียงอยู่แล้วไม่สามารถเดินได้ และเชื่อว่าดวงตาที่ตนเองจะบริจาคจะเป็นประโยชน์ให้แก่น้อง ซึ่งตนยังเหลืออีกข้างที่ยังมองเห็น

ด้าน น.ส.สุนิสา หรือน้องยุ้ย กล่าวทั้งน้ำตาว่า หลังคุณลุงพายัพได้โทรศัพท์มาหาว่าจะบริจาคดวงตาให้ รู้สึกดีใจและมีความหวังว่าจะมีโอกาสกลับมาเห็นแสงสว่างได้อีกครั้ง แม้จะเพียงข้างเดียวก็ตาม จากที่ก่อนหน้านี้รู้สึกท้อแท้หมดหวังกับชะตากรรมถึงขนาดคิดสั้นอยากฆ่าตัวตาย หากกลับมามองเห็นได้อีกครั้งจากการเสียสละดวงตาของคุณลุง ตนจะเดินทางไปกราบขอบคุณคุณลุงพายัพถึงที่บ้าน พร้อมบอกว่าจะขอตอบแทนคุณลุงเท่าที่ตัวเองจะสามารถทำได้ และหากมีโอกาสจะส่งต่อความช่วยเหลือให้แก่คนอื่นเหมือนกับที่คุณลุงช่วยเหลือตัวเองด้วยเช่นกัน

ขณะที่ผู้ใจบุญได้บริจาคช่วยเหลือน้องยุ้ยอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดมียอดเงินบริจาคแล้วกว่า 1,470,000 บาท ซึ่งน้องยุ้ยตั้งใจว่าจะนำเงินส่วนหนึ่งไปสร้างบ้านให้สามารถกันแดดฝนและปลอดภัยกว่าเพิงสังกะสีที่อาศัยอยู่ทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งเก็บไว้เป็นทุนการศึกษา เลี้ยงดูแม่ ตัวเอง และลูกชาย พร้อมขอบคุณทั้งผู้ใจบุญ ส่วนราชการทุกภาคส่วนที่มาให้ความช่วยเหลือตนเองได้หลุดพ้นจากชะตากรรม


กำลังโหลดความคิดเห็น