ฉะเชิงเทรา - ชาวบ้านพนมสารคามกว่า 200 คน รวมตัวขับไล่โรงงานรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ หลังพบยังลักลอบดำเนินกิจการต่อเนื่อง ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารและอุตสาหกรรม ลงพื้นที่เข้ารับเรื่องร้องทุกข์..ลั่นต้องสั่งปิดสถานเดียว ก่อนปิดห้องประชุมร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยห้ามชาวบ้านและผู้สื่อข่าวเข้ารับฟัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ ( 4 มิ.ย.) ชาวบ้านในพื้นที่ 3 ต.ของ อ.พนมสาคาม จ.ฉะเชิงเทรา ประกอบด้วย ต.ท่าถ่าน, ต.บ้านซ่อง และ ต.เกาะขนุน จำนวนกว่า 200 คน ได้รวมตัวชุมนุมกันที่วัดโคกหัวข้าว ต.ท่าถ่าน อ.พนมสารคาม เพื่อเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบและสั่งปิดโรงงานรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ ที่ส่งผลกระทบต่อคนในพื้นที่ 3 ต.รวม 9 หมู่บ้าน
โดยในเบื้องต้นพบว่า มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง, เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารชุดประสานงานและควบคุมพื้นที่ กอ.รมน.จ.ฉะเชิงเทรา ,อุตสาหกรรมจังหวัด ,เทศบาล และผู้นำชุมชน เดินทางเข้าพบปะพูดคุยและชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้าน โดยมี พ.อ.นักรบ วรวาส หัวหน้ากลุ่มงานนโยบายและการข่าวกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดฉะเชิงเทรา (กอ.รมน.) เป็นตัวแทน นายสุวิทย์ คำดี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา รับหนังสือข้อร้องเรียนกรณีที่ชาวบ้านต้องการให้ทางราชการสั่งปิดโรงงานดังกล่าวอย่างถาวร
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังรับหนังสือจากชาวบ้นแล้ว เจ้าหน้าที่จะได้ประชุมหารือกันในทางลับ โดยไม่ให้ชาวบ้านและสื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟัง ขณะที่ชาวบ้าน ได้สลายการชุมนุมในเวลาประมาณ 12.30 น.ที่ผ่านมา
ชาวบ้านรายหนึ่งบอกว่า หลังโรงงานของบริษัท เหอเจีย เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 146 ม.3 ต.ท่าถ่าน เข้ามาดำเนินกิจการหลอมแยกชิ้นส่วนขยะอิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่มีการสอบถามความคิดเห็นหรือทำประชาคมแจ้งให้แก่ชาวบ้านให้รับทราบนานถึงกว่า 1 ปีเต็ม ได้ส่งผลให้เกิดมลพิษแพร่กระจายกระทบต่อสุขภาพของในชุมชน
นอกจากนั้นผู้สื่อข่าวยังรายงานเพิ่มเติมว่า โรงงานรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์แห่งนี้ เคยถูก พล.ต.พณิชย์ ศิริพละ. รอง.ผอ.รมน.จังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมฝ่ายปกครองอำเภอพนมสารคาม ,เจ้าหน้าที่ทหารชุดประสานและรักษาความสงบ อ.พนมสารคาม ,สำนักงานจัดหางานจังหวัด และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง รวมทั้งผู้นำชุมชน เข้าตรวจสอบการดำเนินการมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ที่ผ่านมา ก่อนที่ พล.ต.อ.วีระชัย ทรงเมตรา รอง ผบ.ตร. จะเดินทางลงพื้นที่เพื่อเข้าจับกุมและดำเนินคดีต่อโรงงานรีไซเคิลแยกชิ้นส่วนขยะอิเล็กทรอนิกส์ ในพื้นที่อีกหลายแห่ง
โดยได้ดำเนินคดีกับโรงงานแห่งนี้เกี่ยวกับ พ.ร.บ.โรงงาน ที่เปิดทำการก่อนได้รับอนุญาตและมีกองวัสดุอยู่ภายนอกอาคารโดยไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 โดยมีการขยายโรงงานโดยไม่ได้ขออนุญาต ทั้งยังส่งกลิ่นเหม็นจากการเผาหลอมชิ้นส่วนขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างไม่ถูกต้อง และมีแรงงานต่างด้าวบางส่วนที่กำลังทำงานอยู่ไม่สามารถแสดงหลักฐานระบุตัวตนได้
จึงได้มีการสั่งให้หยุดดำเนินกิจการ แต่ชาวบ้านก็ยังพบว่า โรงงานแห่งนี้ยังสามารถดำเนินกิจการส่งมลพิษออกมารบกวนความสงบสุขของชุมชนได้ตามปกติอย่างต่อเนื่อง จึงได้ออกมารวมตัวกันเคลื่อนไหวร้องเรียนดังกล่าวในวันนี้อีก
