เลย - ตำรวจเมืองเลยรวมตัวดิ้นหาทางออกปัญหาอดีตผู้การฯ ตัวแสบ “พล.ต.ต.สุทิพย์” ผุดโครงการรวมหนี้ อ้างช่วยเหลือภาระหนี้สินสุดท้ายเชิดเงินหายไปร่วม 229 ล้าน มีผู้เสียหาย 129 นาย เบื้องต้นลงขันคนละ 300 บาทเหมารถตู้ส่งตัวแทนบุก สตช.ยื่นหนังสือ ผบ.ตร.เข้ามาแก้ปัญหาช่วยเหลือด่วน
จากกรณีปัญหาเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดตำรวจภูธร จ.เลย ร้องขอความเป็นธรรมต่อผู้บัญชาการตำรวจภาค 4 หลังจากได้รับความเดือดร้อนจากการเข้าร่วมโครงการบริหารหนี้ ที่มี พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช อดีต ผบก.ภ.จว.เลย ในฐานะประธานสหกรณ์เป็นผู้ริเริ่มโครงการ แจ้งกับผู้เข้าร่วมโครงการว่าจะแก้ปัญหาเรื่องภาระหนี้สินกับสถาบันการเงินให้ โดยให้กู้เงินจากสหกรณ์ตำรวจไปชำระเพื่อให้เหลือแหล่งหนี้เพียงแห่งเดียวคือหนี้สหกรณ์ตำรวจ โดยทาง พล.ต.ต.สุทิพย์เป็นผู้ดำเนินการให้ ตำรวจที่เข้าร่วมโครงการก็ได้ปฏิบัติตาม
แต่กลับพบว่าต่อมาทางสถาบันทางการเงินเจ้าหนี้ได้ทวงถามชำระหนี้ จึงทำให้บรรดาตำรวจในสังกัดกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลยทราบว่าอดีต ผบก.ภ.จว.เลย ไม่ได้ดำเนินการชำระหนี้ให้แต่อย่างใด ปัจจุบันมีตำรวจได้รับความเดือดร้อน 192 นาย รวมเงินกว่า 200 ล้านบาท
ล่าสุดวันนี้ (28 พ.ค.) บรรดาตำรวจผู้ได้รับความเสียหายจากโครงการดังกล่าวร่วม 100 นายได้รวมตัวกันที่ตำรวจภูธรจังหวัดเลยเพื่อเข้าร่วมประชุมและติดตามการแก้ปัญหาพร้อมกับร่วมสมทบเงินค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้เพื่อนตำรวจจำนวน 54 นายเดินทางไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อยื่นหนังสือร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในวันพรุ่งนี้ (29 พ.ค.)
ต่อมา พ.ต.อ.พันไชย ชมภูจันทร์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย เป็นประธานเปิดการประชุมถกหาทางออกปัญหา โดยวางกรอบแนวทางไว้ 3 ประเด็น คือ 1. จะแก้ปัญหาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าในเรื่องกันอย่างไร 2. การให้การต่อพนักงานคณะกรรมการที่จะลงพื้นที่มาสอบปากคำตำรวจผู้เสียหาย 192 นาย การให้การต้องให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และ 3. เรื่องขอความร่วมมือร่วมใจน้ำใจ เฉลี่ยทรัพย์เพื่อให้ตัวแทนของกลุ่มเดินทางเข้ายืนหนังสือถึง ผบ.ตร.
ประเด็นแรก ทุกคนที่เข้าร่วมโครงการต่างถูกสถาบันการเงินหักจนเงินเดือนไม่เหลือกัน รวมทั้งเงินคืนภาษียังโดนหักกันถ้วนหน้า เดือดร้อนถึงครอบครัว ในเบื้องต้นทราบว่าทาง สหกรณ์จะให้กู้เงินเพิ่มคนละ 50,000 บาท ทางกลุ่มไม่เห็นด้วยที่จะมาสร้างหนี้สิน สร้างภาระเพิ่มขึ้นอีก และอยากจะให้ทางสหกรณ์ที่หักเงินของกลุ่มผู้เสียหายไปนั้นนำมาแก้ปัญหาตรงนี้ก่อน
นอกจากนี้ก็ขอให้สหกรณ์หักเงินผู้กู้ที่เป็นผู้เสียหายไปทุกเดือนเหมือนเดิม ส่วนในระยะยาวขอให้สหกรณ์หักเงินเดือนคนละ 2,000 บาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน คาดว่าอีก1-2 เดือนผู้บังคับบัญชาคงจะมีทางออกเข้ามาช่วยเยียวยาในกรณีนี้
ส่วนประเด็นที่ 2 การให้การต่อคณะกรรมการที่จะลงมาสอบ ให้เตรียมตัวและให้การไปในทิศทางเดียวกัน และไม่เชื่อว่าสหกรณ์ฯ จะไม่รู้เรื่องกับโครงการดังกล่าว เพราะในช่วงทำโครงการ พล.ต.ต.สุทิพย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย สมัยยังดำรงตำแหน่ง ยังนำโครงการนี้และเปิดประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์พร้อมกันทุกสถานี ในเรื่องนี้จะปฏิเสธไม่ได้ว่าสหกรณ์ไม่รู้เรื่องกับโครงการนี้
ส่วนประเด็นที่ 3 ในขณะนี้ทางกลุ่มได้เหมารถตู้ไว้จำนวน 3 คัน มีคนสมัครไปเป็นตัวแทนกลุ่ม 39 คน เพื่อเดินทางเข้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อขอยื่นหนังสือร้องทุกข์ถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ให้ช่วยเหลือ โดยที่ประชุมได้มีการลงขันเก็บเงินคนละ 300 บาท เพื่อเป็นค่าเดินทางไปยื่นหนังสือ โดยจะเดินทางคืนวันที่ 28 พ.ค.นี้
สำหรับปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นจากกรณี พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช สมัยดำรงตำแหน่ง ผบก.ภ.จว.เลย และเป็นประธานสหกรณ์ตำรวจโดยตำแหน่งได้ทำโครงการกู้รวมหนี้ของสหกรณ์ โดยให้สมาชิกที่ติดหนี้กับธนาคาร และสถาบันการเงินต่างๆ จากภายนอกกู้เงินของสหกรณ์ฯ ไปชำระหนี้ให้หมดเพื่อให้เป็นหนี้สหกรณ์เพียงแห่งเดียว อ้างว่าเพื่อป้องกันไม่ให้สมาชิกซึ่งเป็นลูกหนี้รวมทั้งผู้ค้ำประกันเสี่ยงต่อสถาบันการเงินฟ้องล้มละลาย ซึ่งจะส่งผลถึงการรับราชการ
พร้อมกับเสนอเงื่อนไขผู้เข้าร่วมโครงการกู้เงินของสหกรณ์ได้ไม่เกินคนละ 4 ล้านบาท และนำเงินที่กู้มาไปลงทุนรวมกับ พล.ต.ต.สุทิพย์ ซึ่งมีการเสนอผลประโยชน์ โดยทาง พล.ต.ต.สุทิพย์จะรับผิดชอบนำเงินที่กู้กับสหกรณ์และเอาเงินของสมาชิกที่ไปลงทุนในแต่ละเดือน นำไปผ่อนชำระหนี้ให้กับสถาบันการเงินให้กับสมาชิก จนปิดยอดหนี้ทั้งหมด
โดยมีระยะโครงการ 3 ปี พร้อมกับมีเงินจ่ายค่าทดแทนแก่สมาชิกร่วมโครงการเป็นจำนวน 5,000 บาท ต่อยอดกู้ 1 ล้านบาท หรือร้อยละ 5 เป็นประจำทุกเดือน จนสิ้นสุดโครงการ ซึ่งจะนำเงินไปชำระหนี้ให้กับสหกรณ์เป็นการตัดยอดหนี้เงินต้นที่คงเหลือ หลังจากที่สหกรณ์ได้หักเอาเงินต่างๆ ของสมาชิกเป็นรายเดือนตามปกติ เพื่อจะได้ทำให้ยอดหนี้ของสมาชิกที่มีอยู่ในสหกรณ์มีจำนวนลดลงไปเป็นประจำทุกเดือน
หลังจากนั้น เมื่อโครงการครบ 3 ปี พล.ต.ต.สุทิพย์รับปากจะคืนเงินให้สมาชิกร้อยละ 50 ของยอดเงินที่เข้าร่วมโครงการ หรือถ้าสมาชิกออกจากโครงการก่อนครบกำหนดก็จะนำเงินไปปิดบัญชีที่สมาชิกเป็นหนี้ให้กับสถาบันการเงินทันที
หลังจากมีการเสนอโครงการ ได้มีสมาชิกข้าราชการตำรวจเมืองเลยจำนวน 192 นาย เข้าร่วมโครงการฯ คิดเป็นยอดกู้เงินสหกรณ์ 229,476,840 บาท หลังจากโครงการเริ่มมีการดำเนินการตามปกติได้ไม่กี่เดือน หลังจากมีการโยกย้าย บัญชีของสมาชิกร่วมโครงการไม่มีการเคลื่อนไหวของบัญชี ไม่การจ่ายดอกเบี้ย และต้นให้สถาบันการเงิน ไม่มีการจ่ายยอดเงินกู้ของสหกรณ์นานนับหลายเดือน
จึงได้สร้างความเดือดร้อนแก่ข้าราชการตำรวจเมืองเลยเป็นอย่างมาก ซึ่งไม่ใช่แต่คนกู้เดือดร้อน ยังรวมถึงคนค้ำประกันด้วยต่างถูกหักเงินเดือนจนหมดในแต่ละเดือน