เชียงราย - เอกชนภาคใต้แจ้งเบาะแสถูกอ้างชื่อส่งของไปแม่สาย จนท.ดักค้นถึงบริษัทส่งพัสดุ พบเป็นอาวุธปืนสงครามทั้งตามรอยถึงบ้านพบหลักฐานเพิ่มแต่ไร้ตัวผู้ต้องหา เตรียมขยายผลตามตัวมาดำเนินคดี
วันนี้ (21 พ.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้รับแจ้งจากเอกชนรายหนึ่งที่ อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา ว่ามีผู้ใช้ชื่อว่า “เวธน์” แอบอ้างชื่อเอกชนรายดังกล่าวแล้วนำส่งพัสดุต้องสงสัยผ่านบริการของบริษัท เคอร์รี่ เอ็กซ์เพรส ไปยังปลายทางสาขาของบริษัทที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ชายแดนไทย-พม่า ทาง พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม ผกก.4 บก.ป.จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ป.ร่วมกับ ร.อ.ณัฐเกียรติ แสงไพศรี ผบ.ร้อย ม.3 ฉก.ม.3 กองกำลังผาเมือง ติดตามไปตรวจสอบที่สาขาของบริษัทดังกล่าวที่ อ.แม่สาย ปรากฏว่าพบมีกล่องพัสดุที่ระบุว่ามีการแอบอ้างดังกล่าวจริงจำนวน 1 กล่อง
เจ้าหน้าที่เปิดออกดูปรากฏว่าภายในเป็นอาวุธปืนสงคราม เบื้องต้นคาดว่าเป็นปืนกลเบา 9 มม. หรือเอ็มพี 5 ซึ่งมีการแยกส่วนโดยยังไม่นำมาประกอบกันและเก็บเอาไว้ในวัสดุกันกระแทกและพลาสติกหนาอย่างดี เมื่อนำมาประกอบกันพบเป็นอาวุธสงครามร้ายแรงที่สามารถใช้งานได้จริง เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดเอาไว้และตรวจสอบไปที่ปลายทางพบว่าระบุชื่อและที่อยู่ผู้รับที่ปลายทางอย่างชัดเจน โดยระบุว่าเป็นบ้านเลขที่ 10/1 หมู่ 5 ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย เจ้าหน้าที่จึงได้ตามไปตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบผู้แสดงตัวเป็นเจ้าของบ้าน
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบกระดาษห่อพัสดุที่ระบุชื่อที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ฯลฯ เหมือนที่ระบุเอาไว้ในกล่องพัสดุใบที่ตรวจยึดเอาไว้ข้างต้นถูกทิ้งในถังขยะภายในบ้านจึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นของกลางเพิ่มเติม
เบื้องต้นคาดว่ามีการจัดส่งพัสดุในลักษณะเดียวกันนี้มาแล้วหลายครั้ง โดยการใช้ชื่อผู้ส่งที่ประกอบกิจการเกี่ยวกับอุปกรณ์เครื่องช่วยเล็งหูฟังตัดเสียงปืนที่ จ.สงขลา นำส่งปืนไปยังชายแดน อ.แม่สาย โดยอาจจะนำส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้านซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ออกติดตามหาตัวเจ้าของบ้านเพื่อดำเนินคดีและสืบสวนขยายผลเพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป
ด้านนายสมศักดิ์ คณาคำ นายอำเภอแม่สาย กล่าวว่า อาวุธที่ตรวจยึดได้ถือเป็นอาวุธสงครามประเภทปืนกลเบา หรืออูซี่ บรรจุ 19 นัด โดยพบมีสภาพสมบูรณ์เพียงแต่ว่ามีการทำลายหมายเลขปืนแต่ทางพิสูจน์หลักฐานคงจะนำไปตรวจสอบได้ต่อไป ทั้งนี้ ปฏิบัติการนี้ถือว่าเป็นผลงานของทางตำรวจปราบปรามที่ได้สืบทราบเบาะแสจึงติดตามมาร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ซึ่งก็จะได้มีการติดตามผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายและขยายผลต่อไป