พิษณุโลก - ปลุกกระแสกันอีกรอบ..อาจารย์ดังเมืองสองแควออกโรงต้านโครงการสร้างตำหนัก (พลับพลา) ใหม่บังศาลสมเด็จพระองค์ดำ (เดิม)-ทับพระราชวังจันทน์ จี้ทุบทิ้งอย่างเดียว หลังเห็นงานก่อสร้างไม่คืบ วัชพืชขึ้นเต็ม
วันนี้ (20 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กส่วนตัวอาจารย์ “ขวัญทอง สอนศิริ” ได้ออกมาโพสต์ภาพพระราชวังจันทน์หลังใหม่ พร้อมข้อความว่า “สร้างปลูกสร้างใหม่ สร้างทับแนวกำแพง เขตพระราชฐานชั้นในเต็มๆ (แนวเส้นสีแดง ที่ลากต่อจากแนวกำแพงวังชั้นใน (ส่วนที่ประทับ) ที่กรมศิลปากรขุดสำรวจทางโบราณคดีบูรณะไว้แล้ว) และกลายเป็นสิ่งแปลกปลอม ทำให้เกิดทัศนอุจาดให้บังเกิดแก่.. “พระบรมราชานุสาวรีย์ ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระราชวังจันทน์ ..”
นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า พระบางรูปที่มีส่วนชี้จุดที่สร้างจุดที่มีปัญหานี้แก้ตัวมาว่า “สร้างตามแนวกำแพงวัง สร้างเสร็จ จะตัดถนนเชื่อมทางเส้นใหม่ ตรงแนวประตูวัง ด้านหน้า” แสดงให้เห็นว่าท่านไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบต่อพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ เลยแม้แต่น้อยนิด (ศาลฯ เดิมรัฐบาลสร้าง คือ พระบรมราชานุสาวรีย์ แต่สิ่งปลูกสร้างใหม่ใช้คำว่า “พระตำหนัก”
อาจารย์ขวัญทองระบุด้วยว่า อาคารดังกล่าวก่อสร้างยืดเยื้อมายาวนานกว่า 4 ปีโดยไม่มีคำชี้แจงใดๆ เลย..ช่วยออกมาสร้างความกระจ่างชัดในเรื่องนี้โดยเร่งด่วน หรือจะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ .. ตอนนี้เผือกร้อนอยู่ที่จังหวัดและกรม ..พอเกิดปัญหามุดหัวหลบอยู่ในกุฏิตามเคย
หลังการโพสต์ภาพและข้อความดังกล่าว พบว่าผู้คนในโลกออนไลน์ต่างพากันแชร์ และแสดงความเห็นโจมตีโครงการก่อสร้างอาคารดังกล่าว ประกาศจุดยืนไม่เอาสิ่งปลูกสร้างใหม่ ต้องการให้รื้อทุบ โดยลงทุนทำแผ่นป้ายไวนีลระบุข้อความ “ชาวพิษณุโลก อนุรักษ์ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช” หลังเดิม และมีเป้าหมายจะนำป้ายไวนีลดังกล่าวไปติดตามหัวมุมต่างๆ ในเมืองพิษณุโลก แต่ ณ ขณะนี้ยังไม่มีการติดป้ายไวนีลดังกล่าวแต่อย่างใด
ทั้งนี้ คนพิษณุโลกส่วนใหญ่ทราบดีว่าการก่อสร้างพระราชวังจันทน์หลังใหม่มีแผนก่อสร้างมานานแล้ว จะด้วยการเริ่มการนิมิตฝันของพระผู้ใหญ่หรือไม่ก็ตาม แต่ที่แน่ๆ มีการอนุมัติโครงการระดับร้อยกว่าล้านบาทมายังอดีตแม่ทัพภาคที่ 3 โดยได้เริ่มก่อสร้าง “พลับพลา” เพื่อให้สมพระเกียรติองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช กำหนดให้อยู่หน้าศาลสมเด็จ (เดิม)
จากนั้นได้มีการทำเหรียญที่ระลึก “พระพุทธชินราช หลังองค์ดำ” เพื่อระดมทุนก่อสร้างถึง 50 ล้านบาท และยังมีเงินงบประมาณของจังหวัดพิษณุโลกอีก 50 ล้านบาท และเงินขององค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลกอีก 50 ล้าน ซึ่งในพิธีการปลุกเสกพระแต่ละครั้ง หลายคนทราบดีว่ามีอดีตแม่ทัพภาคที่ 3 เป็นแม่งานสร้างหรือผู้ดำเนินการ
สำหรับโครงการบูรณะพระราชวังจันทน์มีทั้งหมดกว่า 20 โครงการ โดยส่วนงานของกองทัพภาคที่ 3 ที่ได้ร่วมบูรณะพระราชวังจันทน์นั้นดำเนินการเสร็จสิ้น และส่งมอบงานหมดแล้ว
แต่ในส่วนงานที่กรมศิลปากรเป็นผู้ดูแล ซึ่งมีป้ายผู้รับเหมาของ “กรมศิลปกร” ตั้งโชว์ไว้บริเวณทางเข้าศาลสมเด็จฯ เก่าและพลาพลาหลังใหม่ระบุว่า “งานก่อสร้างรายนี้สร้างด้วยเงินภาษีของท่าน” วันเริ่มสัญญา 12 ก.ค. 60 สิ้นสุดสัญญา 19 ก.ย. 61 ระยะเวลาก่อสร้าง 435 วัน มูลค่างานก่อสร้าง 43,700,000 ล้าน (สี่สิบสามล้านเจ็ดแสนบาท) ผู้ควบคุมงานมีทั้ง ผอ.กลุ่มอนุรักษ์โบราณสถาน สำนักศิลปากรที่ 6 สุโขทัย พร้อมนายช่างโบราณสถาน สำนักศิลปากรที่ 6 สุโขทัย และสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพิษณุโลก นั้น แต่พบว่าพื้นที่ก่อสร้างพลับพลาใหม่มีวัชพืชขึ้นเต็มจนรก
โดยมีกระแสข่าวรำลือว่าแบบแปลนอาคารพลับพลาใหม่ไม่ถูกต้อง อาทิ ต้องไม่มีพระปรางค์ด้านบนพลับพลา และเคยถูกแก้ไขหลายครั้งแล้ว แต่งานก่อสร้างพลับพลาก็ยังไม่คืบไปไหน
ขณะที่งานของ อบจ.พิษณุโลก ที่ก่อสร้าง “ศูนย์ประวัติศาสตร์พระราชวังจันทน์” บริเวณข้างศาลสมเด็จฯ เดิม โดยข้อเท็จจริงแล้วเป็นการสร้างทับแนวเขตพระราชวังจันทน์เช่นกัน แต่ดูเหมือนว่ายังไม่มีกระแสต่อต้านว่าสร้างทับโบราณสถาน เช่นเดียวกับเลนจักรยานที่สร้างรายรอบศาลฯ ที่สร้างเสร็จเช่นกัน ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ออกกำลังกายของคนพิษณุโลก ก็ไม่ปรากฏกระแสต้าน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังคงมีประชาชนทั่วไปแวะเวียนนำหัวหมูเข้าสักการะ “ศาลสมเด็จพระองค์ดำ (เดิม)” ต่อเนื่อง ท่ามกลางสิ่งของบวงสรวงรายรอบพระราชวังจันทน์ และยังมีการตั้งแผงเช่าบูชาเหรียญ “มหาจักรพรรดิ รุ่นอนุรักษ์และพัฒนาพระราชวังจันทน์” ที่ผ่านพิธีปลุกเสก ณ พระวิหาร วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พ.ศ. 2558 วางขายภายในอาณาบริเวณพระราชวังจันทน์ด้วย
อนึ่ง ในห้วง 1-2 เดือนเศษที่ผ่านมาเคยมีความพยายามปลุกกระแสต่อต้านโครงการดังกล่าวนี้ในสังคมออนไลน์ของชาวพิษณุโลกมาแล้วรอบหนึ่ง แต่ไม่มีกระแสตอบรับมากนัก
