นครพนม - รวบแล้ว สาวแสบย่องเบาฉกเงินยายวัย 87 ปี วงจรปิดมัดตัว อ้างสารพัดไม่ได้ขโมย แต่เจ้าหน้าที่พบประวัติก่อเหตุลักทรัพย์นับครั้งไม่ถ้วน
วันนี้ (11 พ.ค.) พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ จันทร์ศรี ผกก.สภ.ศรีสงคราม จ.นครพนม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ควบคุมตัว น.ส.วันวิสาข์ หรือโอ๋ มาลัยกรอง อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 279 หมู่ที่ 1 ต.เชียงเครือ อ.เมืองสกลนคร คนร้ายก่อเหตุคดีลักทรัพย์เงินสด 9,500 บาท ของนางจูม สรรคชา อายุ 87 ปี มารดาของ นายอัครพงษ์ สรรคชา อายุ 59 ปี ปลัด อบต.ศรีสงคราม อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม เหตุเกิดเมื่อช่วงเวลา 09.30 น.ของวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังเกิดเหตุทางตำรวจได้ระดมชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบเก็บหลักฐาน พบมีภาพจากกล้องมือถือหลานสาวที่บันทึกไว้โดยบังเอิญ ขณะคนร้ายเข้าก่อเหตุในบ้านพัก และมีภาพจากกล้องวงจรปิดขณะขี่จักรยานยนต์หลบหนี ในเขตเทศบาลตำบลศรีสงคราม
จนกระทั่งเร่งสืบสวนตามแกะรอยพบหลักฐานชัดเจนก่อนเสนอศาลอนุมัติออกหมายจับ และจับกุมตัวมาได้ขณะหลบหนีไปกบดานในพื้นที่ จ.สกลนคร
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว น.ส.วันวิสาข์ ผู้ต้องหามาสอบสวนเพิ่มเติม และให้ผู้เสียหายชี้ตัวได้ถูกต้อง พร้อมยืนยันว่าเป็นคนก่อเหตุจริง เนื่องจากช่วงก่อเหตุคนร้ายไม่ได้ปิดบังใบหน้า บวกกับมีหลักฐานคลิปจากโทรศัพท์มือถือ รวมถึงภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้ขณะขับขี่จักรยานยนต์หลบหนีหลังก่อเหตุ เป็นหลักฐานสำคัญในการมัดตัวผู้ต้องหา
ถึงแม้เจ้าตัวจะอ้างว่าเข้าไปในบ้านผู้เสียหายจริงโดยไม่ได้ก่อเหตุลักทรัพย์ แต่ทางตำรวจยืนยันว่าไม่ผิดตัว เพราะมีหลักฐานชัดเจน รวมถึงตรวจยึดเสื้อผ้าและจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ
นอกจากนี้ยังได้นำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนฯ ชี้จุดเกิดเหตุ ก่อนรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหาวิ่งราวทรัพย์ ซึ่งหลังตำรวจจับกุมตัวได้ยังมีผู้เสียหายอีก 2 รายที่เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์เพิ่มเติม ยืนยันว่าคนร้ายเป็นคนเดียวกันที่ก่อเหตุลักทรัพย์มาหลายครั้ง
พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ จันทร์ศรี ผกก.สภ.ศรีสงคราม กล่าวว่า สำหรับการจับกุมคนร้ายรายนี้ที่ก่อเหตุลักทรัพย์ผู้เสียหายเป็นยายวัย 87 ปี ในพื้นที่เขตเทศบาลตำบลศรีสงคราม ภายหลังตำรวจได้เร่งรวบรวมหลักฐาน สอบสวนพยานผู้เสียหาย รวมถึงนำหลักฐานจากคลิปที่บันทึกได้ในเวลาก่อเหตุที่หลานสาวเป็นคนถ่ายโดยบังเอิญไปจนถึงหลักฐานเสื้อผ้าที่สวมใส่ จักรยานยนต์ที่ขับหลบหนี ยืนยันชัดเจนไม่ผิดตัว ถึงแม้ผู้ต้องหา จะอ้างไม่ได้ทำและยังปฏิเสธเสียงแข็ง แต่ทางตำรวจยืนยันหลักฐานมัดตัวเอาผิดได้แน่นอน
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติพบว่า เป็นมิจฉาชีพที่ตระเวนก่อเหตุลักทรัพย์ผู้สูงอายุเป็นหลัก พบว่าก่อเหตุมาหลายครั้ง จนกระทั่งครั้งล่าสุดถูกจับกุมตัวได้ ทางตำรวจจะต้องมีการสอบสวนขยายผลเชื่อว่าจะทำเป็นแก๊ง และอาจมีเพื่อนร่วมแก๊งที่ก่อเหตุลักษณะเดียวกัน
โดยทางตำรวจฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชนให้ระมัดระวัง อย่าปล่อยให้ผู้สูงอายุอยู่ตามลำพัง หรืออย่านำทรัพย์สินสิ่งของมีค่าไว้ในบ้านโดยมีเพียงผู้สูงอายุอยู่บ้าน อาจมีแก๊งมิจฉาชีพฉวยโอกาสก่อเหตุได้ นอกจากนี้ตำรวจจะได้เพิ่มมาตรการเข้มในการดูแลป้องกันต่อไป