พี่สาว “เปรี้ยว” พอใจน้องสาวพ้นโทษฆ่าโดยไตร่ตรอง

ศูนย์ข่าวขอนแก่น - พี่สาวเปรี้ยว พอใจน้องสาวพ้นโทษ “ฆ่าโดยไตร่ตรอง” ต้องโทษจำคุกเปรี้ยว 34 ปี 6 เดือน วอนสังคมเลิกประณามครอบครัวอีก ด้านทนายความฝ่ายจำเลยเตรียมยื่นอุทธรณ์

หลังจากที่ศาลจังหวัดขอนแก่นอ่านคำพิพากษาคดีดำคดีหมายเลขดำที่ อ.1957/2560 หรือคดีฆ่าหั่นศพน้องแอ๋ม น.ส.วริศรา กลิ่นจุ้ย ที่ถูกฆาตกรรมด้วยการฆ่าและหั่นศพเป็น 2 ท่อน ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะนำศพไปฝังอำพรางในพื้นที่อำเภอเขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น ซึ่งพนักงายอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือเปรี้ยว พร้อมพวกรวม 5 คน ประกอบด้วย จำเลยที่ 1 น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือเปรี้ยว, จำเลยที่ 2 น.ส.กวิตา ราชดา หรือเอิร์น, จำเลยที่ 3 น.ส.จิดารัตน์ พรมคุณ หรือเบนซ์, จำเลยที่ 4 นายวศิน นามพรม หรือนิว, จำเลยที่ 5 น.ส.อภิวันท์ สัตยบัณฑิต หรือแจ้

ศาลได้ตัดสินจำคุกตลอดชีวิต น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือเปรี้ยว และน.ส.กวิตา ราชดา หรือเอิร์น แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ จึงพิจารณาลดโทษเหลือ 1 ใน 3 ให้จำคุกรวม 34 ปี 6 เดือน ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

ส่วนนายวศิน นามพรม โทษจำคุก 23 ปี 4 เดือน 22 วัน ข้อหาให้การสนับสนุน ขณะที่ น.ส.อภิวันทน์ สัตยบัณฑิต โทษจำคุก 33 ปี 9 เดือน และ น.ส.จิดารัตน์ พรหมคุณ หรือเบนซ์ ข้อหารับของโจร ถูกจำคุก 2 ปี ลดโทษเหลือ 1 ปี ไม่รอลงอาญา

ขณะเดียวกัน ศาลได้สั่งให้ผู้ต้องหาทั้ง 5 คนร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย 1,070,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5 เปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่วันเกิดเหตุ ตั้งแต่ 23 พ.ค. 60 วันที่ก่อเหตุฆ่าน้องแอ๋ม ให้แก่ครอบครัวผู้ตาย


ทั้งนี้ น.ส.ระภาศิริ ประสมศรี พี่สาวเปรี้ยว กล่าวว่า ตนเองดีใจที่น้องสาวพ้นข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง แต่โทษที่ได้รับถือว่ามีโทษหนักพอสมควร หลังจากนี้จะได้ให้ทนายความยื่นอุทธรณ์ในศาลอุทธรณ์ต่อไป หลังจากนี้อยากขอวอนต่อสังคมให้เลิกประณามครอบครัวของตนเองอีกต่อไปว่าเป็นครอบครัวที่โหดเหี้ยม เพราะขณะนี้ศาลได้ตัดสินไปแล้ว

ด้านนายบุญยง แก้วฝ่ายนอก ทนายความของเปรี้ยว กล่าวว่า ตนเองพอใจที่ศาลจังหวัดขอนแก่นได้อ่านคำพิพากษาโดยยกข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นโทษฆ่าโดยเจตนา ซึ่งโทษที่ได้รั ถือว่ายังหนักอยู่ หลังจากนี้ตนเองเตรียมจะยื่นเรื่องขออุทธรณ์ในชั้นศาลอุทธรณ์ภายใน 30 วันนับจากนี้

ขณะที่นางพิชชาภา คำเพิงใจ แม่ของ น.ส.วาริศรา กลิ่นจุ้ย หรือแอ๋ม พร้อมด้วยนายนพดล สีดาทัน ทนายฝ่ายโจทก์ หลังฟังคำพิพากษาของศาลจังหวัดขอนแก่นแล้วได้รีบเดินทางกลับทันที