ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เจ้าของร้านขายของเล่นเด็กที่เชียงใหม่ โวยถูกกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างเป็น จนท.ตบทรัพย์ไป 8,000 บาท อ้างแลกกับการช่วยเหลือไม่ดำเนินคดีข้อหาหนัก พร้อมขอรับรายเดือนอีกเดือนละ 1,000 บาท ล่าสุดเข้ายื่นหนังสือให้ทหารที่ มทบ.33 และตำรวจภูธรภาค 5 เพื่อขอความเป็นธรรมและตรวจสอบดำเนินการตามกฎหมาย
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า ขณะนี้มีกลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าหลายแห่งในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างมากจากการที่มีกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลเกี่ยวกับการกระทำความผิดด้านเศรษฐกิจ และสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์หรือเครื่องหมายการค้า รวมทั้งผู้บริโภคเข้าทำการตรวจค้นร้านค้าโดยที่ไม่มีหมายค้น, ไม่มีการแสดงบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ และเรียกรับเงินเพื่อแลกกับการให้ความช่วยเหลือด้านคดี
โดยรายงานข่าวแจ้งว่า ล่าสุดเกิดเหตุกับร้านขายของเด็กเล่นแห่งหนึ่งในอำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 61 ซึ่งมีกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจค้นสินค้าและจับกุมเจ้าของร้านในข้อหาไม่ติดฉลากสินค้า แล้วนำตัวเจ้าของร้านและของกลางจำนวนหนึ่งไปที่บริเวณสถานีตำรวจภูธรหางดง เพื่อทำการเขียนบันทึกจับกุม แต่ไม่ได้ขึ้นไปทำกันบนสถานีตำรวจ และมีการเรียกรับเงินสดจำนวน 8,000 บาทจากทางเจ้าของร้าน โดยอ้างว่าเพื่อแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดีข้อหาหนักกว่านี้ ด้วยความกลัวทำให้เจ้าของร้านยอมจ่ายเงินดังกล่าวและยอมรับสารภาพ ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะตรวจสอบพบข้อมูลว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด โดยมีเพียง 1 คนที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดตำรวจภูธรภาค 5 จึงเกิดความติดใจสงสัยว่าการกระทำดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า ร้านขายของเด็กเล่นดังกล่าว คือ ร้านพีที ทอยส์ ในตัวอำเภอหางดง น.ส.พิมพ์พิศา ธีระประสาทกุล อายุ 40 ปี เจ้าของร้าน เปิดเผยว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น.วันที่ 4 พ.ค. 61 มีกลุ่มชายฉกรรจ์หลายคนขับรถยนต์ 3 คนมาจอดและเข้ามาทำการตรวจค้นภายในร้านโดยอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ได้สวมชุดและไม่มีการแสดงบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ แม้ว่าจะขอดูแล้ว รวมทั้งไม่มีการแสดงเอกสารหรือคำสั่งใดๆ ในการเข้าตรวจค้นเลย ตอนแรกอ้างว่ามาตรวจค้นจับกุมสินค้าที่ไม่มีเครื่องหมายมาตรฐานอุตสาหกรรม แต่ไม่พบความผิด จึงทำการตรวจค้นไปเรื่อยๆ จนพบของเล่นที่เก็บไว้และที่ไม่ได้วางขายจำนวน 25 กล่อง ที่ไม่มีการติดป้ายแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้า และทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง พร้อมเชิญตัวสามีของตัวเองที่มีชื่อเป็นเจ้าของร้านไปที่บริเวณสถานีตำรวจหางดง เพื่อทำบันทึกจับกุมและแจ้งข้อกล่าวหาจำหน่ายสินค้าที่ไม่มีการติดฉลากสินค้ามีความผิดตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคโดยสามียอมรับความผิดดังกล่าว และมีตำรวจยศพันตำรวจโทนายหนึ่งเป็นผู้ลงชื่อบันทึกจับกุม หลังจากที่หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ที่พยายามพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการเรียกรับเงินมาตลอดตั้งแต่อยู่ที่ร้านได้ยื่นข้อเสนอขอเงิน 20,000 บาท แลกกับการให้ความช่วยเหลือไม่ให้ถูกดำเนินคดีหนักกว่านี้ จึงต่อรองกันและยอมจ่ายเงินสดให้ชายคนดังกล่าวจำนวน 8,000 บาท ที่บริเวณสถานีตำรวจภูธรหางดง
เจ้าของร้านขายของเล่นรายนี้บอกด้วยว่า นอกจากชายคนดังกล่าวได้รับเงินจำนวน 8,000 บาทไปแล้ว ยังได้เรียกขอรับเงินเป็นค่าคุ้มครองดูแลอีกเดือนละ 1,000 บาท ทุกวันที่ 10 ของเดือนด้วย จึงทำให้เกิดความสงสัยเกี่ยวกับพฤติกรรมดังกล่าว กระทั่งตรวจสอบพบข้อมูลเบื้องต้นว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงเพียง 1 คนเท่านั้น ส่วนที่เหลือไม่น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตามที่พยายามกล่าวอ้างแสดงตัวในช่วงที่เข้าทำการตรวจค้นและจับกุม โดยเฉพาะชายคนที่รับเงินไปจำนวนมา 8,000 บาท และยังเรียกขอรับเงินค่าคุ้มครองดูแลอีกเดือนละ 1,000 บาท ที่พบว่าไม่น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างแน่นอน
และข้อมูลจากผู้ประกอบการหลายรายระบุว่า เคยถูกชายคนนี้กระทำและพฤติกรรมลักษณะเดียวกันนี้มาแล้วเช่นกัน ดังนั้นจึงต้องการเรียกร้องขอความเป็นธรรมและความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ตรวจสอบพฤติกรรมของกลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านี้ว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เบื้องต้นได้เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมพร้อมหลักฐานให้กับทางมณฑลทหารบกที่ 33 และตำรวจภูธรภาค 5 เพื่อดำเนินการตรวจสอบแล้ว ป้องกันไม่ให้มีการไปทำพฤติกรรมสร้างความเดือดร้อนกับผู้ประกอบการและเจ้าของร้านรายอื่นๆ อีก